เรื่องนี้มีคำถาม : ชาวบ้านเดือดร้อนจากก่อสร้างถนนพระราม 2

สมุทรสาคร 19 ก.ค.-กลุ่มประชาชนคนรักถนนพระราม 2 รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ปัญหาการก่อสร้างปรับปรุงถนนพระราม 2 หลังก่อสร้างมานานแต่ยังไม่แล้วเสร็จ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน


ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย อสมท เดินทางไปที่บริเวณสะพานลอย หน้าวัดพันท้ายนรสิงห์ ถนนพระราม 2 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังรับแจ้งมีกลุ่มประชาชนคนรักถนนพระราม 2 มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ปัญหาการก่อสร้างปรับปรุงถนนพระราม 2 เริ่มตั้งแต่ทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระหว่าง กม.9+800-21+500 ระยะทาง 11.7 กม. โดยขยายช่องทางหลักจาก 3 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมปรับปรุงช่องทางคู่ขนานเป็น 3 ช่องจราจร ทั้งขาเข้าและขาออก รวมทั้งวางท่อระบายน้ำใหม่ ติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่างเพิ่มเติม ขยายสะพานข้ามคลองบางน้ำจืด สะพานข้ามคลองคอกควาย สร้างสะพานกลับรถที่ กม.16 และสะพานข้ามทางรถไฟใหม่ งบประมาณกว่า 2,310 ล้านบาท ซึ่งมีการก่อสร้างมานานแต่ยังไม่แล้วเสร็จ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และผู้ที่มีบ้านเรือน สถานประกอบการอยู่ตรงบริเวณสถานที่ก่อสร้างเป็นอย่างมาก

บรรยากาศตรงจุดที่นัดพบนั้นมีประชาชนคนรักพระราม 2 หลายสิบคนรวมตัวกันถือป้ายที่เขียนข้อความไว้ว่า “ทนไม่ไหวแล้ว ถนนพระราม 2 #รถติดหนักมาก #ถนนเจ็ดชั่วโคตร” พร้อมกันนี้ยังมีจดหมายเปิดผนึกอีก 1 ฉบับ เตรียมนำไปยื่นที่สำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย


ข้อความในจดหมายเปิดผนึกโดยสังเขประบุว่า ผู้อาศัยและสัญจรบนถนนพระราม 2 ยินดีและต้องการเห็นบ้านเมืองของเราเจริญพัฒนาก้าวหน้า ซึ่งถนนพระราม 2 เป็นเส้นทางหลัก ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แต่สภาพปัจจุบันนี้ เดือดร้อนอย่างหนักมากเกินกว่าที่จะรับไหว ทั้งด้านความปลอดภัยในการเดินทาง และรถติดขัดอย่างหนัก เกิดความเสียหายทางจิตใจและทางเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านเข้ามาช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหา

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง นายกสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรวมตัวกันในวันนี้ไม่ใช่การประท้วงหรือคัดค้านแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่หรือผู้มีอำนาจในการควบคุมดูแลเข้ามาบริหารจัดการให้รวดเร็วกว่านี้ เพราะการสร้างถนนพระราม 2 แค่ในช่วงระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตรเศษ มีความล่าช้าเป็นอย่างมาก สร้างมาเกือบ 2 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ทางกลุ่มประชาชนคนรักพระราม 2 ก็จะนำจดหมายเปิดผนึกนี้ไปยื่นที่สำนักนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย

ทางด้านนายกฤษณ์ สุริยะผล ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า แต่ก่อนนี้เดินทางจากบ้านพักมาที่ทำงานใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่ทุกวันนี้บางครั้ง 1 ชั่วโมง ยังไม่ถึงบ้าน เนื่องจากสภาพการจราจรที่ติดขัดอย่างมาก อีกทั้งยังกระทบการท่องเที่ยวและการขนส่งที่ใช้ถนนพระราม 2 เดินทางลงสู่ภาคใต้  เรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากไม่มีสัญญาณให้ระวังอันตราย หรืออุปกรณ์ในการเซฟตี้บนถนนไม่ได้มาตรฐาน และยังไม่รวมถึงเวลาที่ต้องเร่งนำส่งผู้ป่วยวิกฤติที่ต้องใช้ความเร่งรีบเป็นอย่างมาก หากผู้มีอำนาจยังเมินเฉย ไม่เร่งรีบดำเนินการแก้ไขความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ทางชาวบ้านจะรวมตัวกันเพื่อไปพบกับนายกรัฐมนตรีต่อไป


ขณะที่แม่ค้าที่ขายของริมทางบอกว่า ถนนเส้นนี้สร้างมานานมาก ส่งผลถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของริมทางอีกด้วย ทั้งเรื่องของฝุ่นละออง และปริมาณลูกค้าที่ลดลง เพราะเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น จึงทำให้รายได้ของคนหาเช้ากินค่ำในแต่ละวันลดน้อยลง และการสร้างถนนก็ไม่เป็นมาตรฐาน เพราะสร้างแบบเป็นหย่อมๆ อีกด้วย

ส่วนคุณป้าท่านหนึ่งที่มีบ้านอยู่ติดกับถนนพระราม 2 บอกว่าเพื่อนบ้านบางคนที่เคยมีบ้านอยู่ในพื้นที่ติดกับถนนพระราม 2 ก็ต้องขายบ้านทิ้ง หรือปล่อยให้เช่า แล้วไปหาที่เช่าใกล้กับที่ทำงานแทน เพราะรับไม่ไหวกับการที่ต้องเสียเวลานานหลายชั่วโมงในการเดินทาง ซึ่งคุณป้ามองว่าการทำงานล่าช้านั้นจะไปโทษใครไม่ได้ ต้องโทษที่ผู้ควบคุมงานเท่านั้น

ด้าน พ.ต.ท.วุฒิชัย ทวีกาญจนวัฒน์ สารวัตรจราจร สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า สภาพการจราจรที่ติดขัดบนถนนพระราม 2 เกิดขึ้นช่วงเขตต่อเนื่องระหว่างเขตแสมดำ กรุงเทพฯ กับเขตจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งในส่วนของตำรวจจราจรมีการจัดรถออกตรวจสภาพพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และเมื่อมีอุบัติเหตุก็ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าคลี่คลาย ซึ่งจุดที่ถือได้ว่ามีการติดขัดมากที่สุดและทำให้เกิดการจราจรติดขัดต่อเนื่องสะสม คือบริเวณเชิงสะพานข้ามทางรถไฟคอกกระบือ เนื่องจากเป็นคอขวด ทั้งนี้ ทางตำรวจจราจร สภ.เมืองสมุทรสาคร และ สน.แสมดำ ก็ดำเนินการกันอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดการติดขัดน้อยที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]