กรุงเทพฯ 16 ส.ค. – ผู้ค้าน้ำมันคาดราคาขายปลีกอาจขยับขึ้นอีก หลังรัสเซียคุยโอเปกตรึงกำลังผลิตรอบใหม่ ด้านการลอยตัวเอ็นจีวีและต้นทุนราคาก๊าซฯ ลดลงตามราคาน้ำมัน ส่งผล ปตท.กำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 กำไรสุทธิ 24,879ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ค้าน้ำมันประเมินราคาน้ำมันของไทยมีแนวโน้มขยับขึ้นอีก หลังจากเดือนนี้กลุ่มเบนซินปรับขึ้นไปแล้ว 1.20 บาทต่อลิตร และดีเซลขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร สาเหตุเพราะราคาตลาดโลกขยับขึ้นมาอีกระลอก โดยเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยตลาดเวสต์เท็กซัส สหรัฐ ปรับขึ้น 1.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 45.74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 48.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกนำโดยรัสเซียและซาอุดิอาระเบียจะกลับมาพิจารณาร่วมกันตรึงกำลังการผลิตอีกครั้ง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบ ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มโอเปกเตรียมจัดประชุมเรื่องนี้วันที่ 26-28 กันยายนนี้ ขณะเดียวกันในส่วนของดีเซลหากกรมธุรกิจพลังงานไม่ลดส่วนผสมจากบี 5 เป็นบี 3 วันที่ 25 สิงหาคมนี้ ก็จะทำให้ราคาไม่ลดลง 40 สตางค์ต่อลิตรตามที่ประเมินไว้ ซึ่งเป็นผลจากราคาไบโอดีเซลบี 100 มีราคาสูงจากต้นทุนปาล์มในประเทศ
ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ประเมินว่าราคาน้ำมันปีนี้ยังคงผันผวน แต่ราคาน้ำมันดิบดูไบจะไม่ต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
สำหรับผลประกอบการ ปตท.ไตรมาส 2 ปี 2559 (Q2/2559) ปตท.และบริษัทย่อยมีกาไรสุทธิ 24,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,210 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.1 จากไตรมาส 1 ปี 2559 (Q1/2559) ที่มีกำไรสุทธิ 23,669 ล้านบาท สาเหตุหลักจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ทยอยปรับลดลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง แต่กลางปีที่ผ่านมาส่งผลการดำเนินงานของ ปตท.ดีขึ้นจากการขายผลิตภณัฑ์จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติและเอ็นจีวีที่มีผลขาดทุนลดลง รวมถึงธุรกิจน้ำมันก็ปรับเพิ่มขึ้นจากกำไรสตอกน้ำมัน
ส่วนผลดำเนินการในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น มีผลการดำเนินงานดีขึ้น โดยในส่วนของโรงกลั่น ค่าการกลั่นทางบัญ ชี (Accounting GRM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกำไรสตอกน้ำมัน ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลาย Q1/2559 แม้กำไรขั้นต้นจากการกลั่นไม่รวมผลกระทบจากสตอกน้ำมัน(MarketGRM) ปรับลดลง สำหรับผลการดำเนินงานของโรงปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ปรับสูงขึ้นจากส่วนต่าง ราคาผลิตภณัฑ์กับวัตถุดิบดีขึ้น แม้ว่า ปตท.จะมี Unplanned Shutdown อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.มีผลการดำเนินงานลดลงจากภาษีเงินได้ที่ได้รับผลกระทบของค่าเงินบาทและการขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงิน
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 (1H/2559) ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 48,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น2,218 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานของ ปตท.ที่ปรับดีขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มปรับลดลงเกือบทุกกล่มุธุรกิจโดยผลการ ดำเนินงานในส่วนของโรงกลั่นและปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ลดลงจาก AccountingGRM และราคาเม็ดพลาสติกที่ลดลงตามราคาน้ามันดิบ ขณะที่ปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์มีกำไรขั้นต้นต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ (Product to Feed Margin : P2F) เพิ่มขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง สำหรับ ปตท.สผ.ผลการดำเนินงานยังอ่อนตังลงตามราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ำมัน.- สำนักข่าวไทย