รื้อถอนแท่นปิโตรเลียม “บงกช-เอราวัณ” ไม่หมู

กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – ก.พลังงานยืนยันเกณฑ์วางหลักประกันถอนแท่นปิโตรเลียม “บงกช-เอราวัณ” เป็นไปตามกฎหมาย โดยผู้ได้สัมปทานต้องวางหลักประกันภายใน 120 วันหลังยื่นหนังสือเดือน เม.ย.62



นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวถึงการดำเนินการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกชที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2565 -2566 ว่า ทางกรมฯ ได้ส่งหนังสือให้ผู้ได้รับสัมปทานมาวางหลักประกัน โดยการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเชฟรอนฯ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการแหล่งเอราวัณและโททาล ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนแหล่งบงกชได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานขอสงวนสิทธิ์ในเรื่องวางหลักประกันดังกล่าวและอาจจะยื่นอนุญาโตตุลาการให้ตีความเรื่องนี้หลังจากเดือนมิถุนายน 2562 ทางกรมเชื้อเพลิงฯ ได้ส่งหนังสือให้ผู้ได้สัมปทานวางหลักประกันภายใน 120 วัน หลังจากได้รับหนังสือ โดยแหล่งเอราวัณมีค่าประมาณการใช้จ่ายรื้อถอน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 200 แท่น) และแหล่งบงกช 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 100 แท่น ) โดยการประมาณการนี้ทางกระทรวงพลังงานได้ให้บุคคลที่ 3 เข้ามาร่วมประเมินมูลค่าที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้ได้สัมปทานมีความเห็นเบื้องต้นว่าในแท่นขุดเจาะใดที่ไม่ต้องรื้อถอน ก็ไม่ควรต้องจ่ายค่ารื้อถอนในส่วนนี้  โดยการดำเนินการนี้เป็นไปตามข้อ 22 ของกฎกระทรวง เรื่องกำหนดแผนงาน ประมาณการ ค่าใช้จ่าย และหลักประกันในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม ซึ่งจะต้องให้เกิดความชัดเจนภายใน 2 ปีก่อนจะหมดอายุสัมปทานปิโตรเลียม 

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการตีความทางกฎหมายที่แตกต่างกัน หากจะยื่นฟ้องฯ ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแง่ของกฎหมาย ซึ่งยอมรับว่าเรื่องการรื้อถอนนั้น เดิมกฎหมายเขียนไว้กว้าง ๆ แต่ได้มีการออกกฎกระทรวงรองรับไว้แล้ว โดยการวางหลักประกันค่ารื้อถอน ถือว่าเป็นไปตามหลักสากลที่กำหนด โดยยืนยันว่าไม่มีค่าโง่แน่นอน และเชื่อว่าผู้ประกอบการจะร่วมมือ เพราะเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย

“การวางหลักประกันค่ารื้อถอนเป็นไปตามหลักสากล แต่ค่าใช้จ่ายรื้อถอนจริงจะมีมูลค่าสูงหลักแสนล้านบาทหรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยร่วมกันระหว่างผู้ได้สิทธิ์รายใหม่ กรมเชื้อเพลิงฯ และรายเก่าต้องเข้าประเมินพื้นที่ ว่าแต่ละแท่นจะมีแท่นใดใช้งานต่อ หรือแท่นใดรื้อถอน โดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการปิโตรเลียม จะต้องหารือเพื่อให้มีข้อยุติโดยเร็ว” นายศิริ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]