อ้างคำนวณพลาด ตั้งกรรมการสอบติดพัดลม 30 ตัวไปรษณีย์คูคต

ไปรษณีย์ไทย 11 ก.ค.62 – ไปรษณีย์ไทย แจงติดตั้งพัดลม 30 ตัว ณ ที่ทำการไปรษณีย์คูคต เป็นการคำนวณผิดพลาด ล่าสุดลดเหลือ 12 ตัว พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว


จากกรณีเฟซบุ๊กสหภาพแรงงานฯ ปณท ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ปณท (สรร.ปณท) ขึ้นป้ายหน้าสำนักงาน ถามหา “องค์กรแห่งธรรมาภิบาล” คือองค์กรที่บริหารจัดการด้วย 6 หลักการ คือคุณธรรม, นิติธรรม, โปร่งใส, มีส่วนรวม, รับผิดชอบ และคุ้มค่า, พัดลมโคจร ตัวละ 6,000 บาท (ราคากลางตัวละ 2,000 บาท) ไม่มีเพดานให้ติด ต้องเอาพัดลมโคจรไปติดผนังแทน เจ้าหน้าที่ปิดเมล์ 2 คน ได้ใช้พัดลมคนละ 15 ตัว, ตู้ไปรษณีย์ราคา 7.1 ล้านบาท (ข้างในโล่ง) ราคาสูงกว่าบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ, ทั้ง 2 ประเภทคุ้มค่าหรือไม่? แต่ลูกน้องขอโอทีให้โอฟรี 17 เม.ย.2562 ฟรีอีกหรือไม่?


วันนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่ทำการสำนักงานไปรษณีย์ สาขาคูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบว่าสำนักงานอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง โดยหัวหน้าสำนักงานไปรษณีย์คูคตไม่อนุญาตให้บันทึกภาพภายในอาคาร เนื่องจากเป็นคำสั่งจากคณะกรรมการปรับปรุงที่ทำการสำนักงานไปรษณีย์สาขาคูคต หากจะมีการถ่ายภาพต้องทำหนังสือแจ้งไปที่ ปณท 

ด้านนายวิเลิศ การสะสม ประธาน สหภาพแรงงานรัฐวสาหกิจ ไปรษณีย์ไทย(สรร.ปณท) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่าทาง ปณท ได้จัดสรรงบประมาณปรับปรุงที่ทำการไปรณีย์ สาขาคูคต ด้วยงบประมาณ 5,380,000 บาท โดยมีการติดตั้งพัดลมจำนวน 30 ตัว ในราคาตัวละ 4,500 บาท ในขณะที่ราคากลางเพียงตัวละ 2,000 บาทเท่านั้น ค่าติดตั้ง ตัวละ 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 180,000 บาท ซึ่งทาง ปณท. ไม่ได้ทำงบประมาณในการปรับปรุงเฉพาะที่สาขาคูคตแห่งเดียว แต่ยังมีในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง ส่วนตัวมองว่าเป็นการใช้งบประมาณที่แพงเกินกว่าความเป็นจริง จึงอยากให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส ในฐานะที่ตนเองเป็นประธาน สรร.ปณท เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบการปรับปรุงที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง


ขณะที่นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ปณท ได้ปรับปรุงไปรษณีย์คูคต เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการให้ลูกค้า พร้อมปรับปรุงพื้นที่ปฏิบัติงานให้รองรับกับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการติดตั้งพัดลมดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ห้องปิดเมล์ขนาด 60 ตารางเมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบมีตึกขนาบข้าง มีปัญหาระบายอากาศทำให้อากาศร้อนอบอ้าว ซึ่งมีการคำนวณการใช้งานพัดลมระบายอากาศ แต่เนื่องจากมีการคำนวณที่ผิดพลาดจึงทำให้ติดตั้งพัดลมมากถึง 30 ตัว ไปรษณีย์ไทยได้ลดจำนวนพัดลมลงเหลือเพียง 12 ตัว แล้ว ทั้งนี้ไปรษณีย์ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องตู้ไปรษณีย์ขนาดใหญ่ เป็นตู้ไปรษณีย์จำลอง ออกแบบก่อสร้างให้มีลักษณะและรูปแบบเหมือนกับตู้ไปรษณีย์ทรงกลมรุ่นปี พ.ศ.2454 ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสำนักงานฯ วัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คและจุดสังเกตของบุคคลทั่วไปที่จะมาติดต่อ ตลอดจนแสดงถึงที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สร้างการรับรู้และจดจำ ซึ่งในพื้นที่อื่นๆ ก็มีการสร้างตู้ไปรษณีย์จำลองเพื่อเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญของแหล่งท่องเที่ยว เช่น ตู้ไปรษณีย์จำลองขนาดใหญ่ ใน อ.เบตง จ.ยะลา และตู้ไปรษณีย์ แลนด์มาร์ก ณ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

ตู้ไปรษณีย์จำลองขนาดใหญ่พิเศษนี้มีความสูง 14.40 เมตร ฐานโดยรอบกว้าง 8 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตร ภายในมีพื้นที่เทียบเท่าอาคาร 4 ชั้น ซึ่งบริษัทผู้รับจ้างเสนองบประมาณ 7.1ล้านบาท เพราะต้องก่อสร้างให้โครงสร้างมีความมั่นคงแข็งแรง ค่าใช้จ่ายประกอบด้วยงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานบันไดเหล็ก งานตกแต่ง ระบบไฟฟ้า/ระบายอากาศ ระบบป้องกันฟ้าผ่า ฐานอาคารประกอบจากหินแกรนิตสีดำต้องหล่อให้เป็นทรงกลม สีแดงของตู้ไปรษณีย์ทำจากอลูมิเนียมคอมโพสิตเคลือบสี ทนทานต่อสภาพอากาศทุกประเภท ส่วนครุฑแตรงอนบนตู้ไปรษณีย์หล่อขึ้นจากทองเหลือง ภายในจะมีการจัดแสดงเส้นทางกิจการไปรษณีย์ไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน และจะเปิดให้บุคคลทั่วไปมาชมได้ ยืนยันว่าไปรษณีย์ไทยตระหนักถึงการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]