นครศรีธรรมราช 9 ก.ค.-ผลสอบข้อเท็จจริงอาหารกลางวันโรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ สรุปพบอาหารไม่เพียงพอกับเด็กนักเรียนจริง ด้านรัฐมนตรีมหาดไทย เผยหากตรวจสอบคุณภาพไม่ดียกเลิกสัญญาได้
กรณีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีคลิปวิดีโออาหารกลางวันโรงเรียนเทศบาลวัดมเหยงคณ์ สังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียล ถึงอาหารที่ไม่ได้คุณภาพ ส่งผลให้ น.ส.อำพร ด่านคงรักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ถูกย้ายไปปฏิบัติราชการยังสำนักการศึกษาเทศบาลฯ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของผู้ปกครองที่ยืนยันว่าผู้อำนวยการปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา พร้อมเรียกร้องให้สอบสวนเบื้องหลังกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ (9 ก.ค.) คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยมีแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องแจ้งว่าการสรุปสาระสำคัญของผลการสอบสวนในประเด็นแรกคือ 1.การสอบสวนพบว่าในวันที่ 28 มิ.ย. และวันที่ 1 ก.ค.62 ปริมาณอาหารไม่เพียงพอกับนักเรียน จึงมีข้อเสนอจากคณะกรรมการฯ ให้มีการสั่งการคณะกรรมการที่ตรวจรับพัสดุอาหารกลางวัน ตัดวงเงินเบิกจ่าย 2 วัน วันละ 5,400 บาท กับผู้รับจ้าง
ในประเด็นที่ 2.เสนอให้มีการสั่งการให้คณะกรรมการตรวจรับอาหารกลางวันรายวัน ครูเวร เพิ่มการกวดขันดูแลการตรวจรับให้มีความเข้มงวด แม้ว่าผู้อำนวยการจะได้สั่งการภายในให้มีคณะกรรมการอยู่แล้ว แต่ผู้อำนวยการจะต้องคอยกำกับดูแลคณะกรรมการให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ประเด็นที่ 3.ได้มีข้อเสนอให้ผู้อำนวยการกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม พร้อมทั้งให้มีการว่ากล่าวตักเตือน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่คณะกรรมการได้เสนอให้พิจารณา ขณะเดียวกันผลการสอบสวนข้อเท็จจริงได้รายงานตรงต่อนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้มีการส่งรายงานไปแล้ว
ขณะที้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอาหารกลางวันเด็กนักเรียนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่าได้มีการตรวจสอบเบื้องต้น พบปัญหาเรื่องคุณภาพของอาหารและมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยโรงเรียนดังกล่าวมีการทำสัญญาเอง ลงนามโดยผู้อำนวยการโรงเรียน จึงสั่งการให้มีการตรวจสอบว่าการลงนามมีการบังคับทำสัญญาหรือไม่ และมีเงื่อนไขในการตรวจสอบมาตรฐานเรื่องของอาหารหรือไม่ หากสอบสวนและพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจะมีการดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง และลงโทษทางวินัย เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย