สระแก้ว 8 ก.ค.- ผู้ว่าฯ สระแก้วรุดลงพื้นที่วังน้ำเย็นสั่งขนย้ายด่วนกองขยะอุตสาหกรรมกว่า 300 ตัน ออกเขตป่าโซนซี หลังถูกนำมาจากโรงงานนอกจังหวัดเข้ามาคัดแยกในพื้นที่ ด้าน สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดผู้รับอ้างเป็นเจ้าของกิจการ
เมื่อเวลา 14.30 น. (8 ก.ค.) นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อำเภอวังน้ำเย็นตรวจสอบขยะอุตสาหกรรมถูกนำมาคัดแยกอยู่ในพื้นที่เขตป่าโซนซี แนวเขาซับพลู-เขาภูหีบ หมู่ 8 บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน เป็นเวลาเกือบ 1 เดือน โดยพบว่าขยะมีหลากหลายประเภทกว่า 300 ตัน และได้เรียกตรวจสอบเอกสารจากผู้อ้างว่าเป็นผู้ดูแลพื้นที่พบว่าส่วนใหญ่เป็นขยะอันตรายและผิดกฎหมาย
นายสมศักดิ์ กรึงไกร หัวหน้าส่วนโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า การขนย้ายขยะลักษณะดังกล่าวถือว่ามีความผิดชัดเจน โดยพบต้นทางของขยะจากโรงงาน 2 แห่ง ของจังหวัดทางภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบก่อนดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรงงาน ส่วนผู้ประกอบการพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สภ.วังน้ำเย็น ซึ่งก่อนหน้านี้ตรวจคนเข้าเมือง สระแก้ว ได้ดำเนินคดีกรณีใช้แรงงานชาวต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต กรมป่าไม้ดำเนินคดีฐานบุกรุกพื้นที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.ป่าสงวน และ พ.ร.บ.น้ำบาดาล
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบครั้งนี้มีผู้รับเป็นเจ้าของขยะทั้งหมด ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายจำเป็นต้องอายัดไว้ เพื่อดำเนินคดีฐานครอบครองวัตถุอันตราย มีโทษปรับสูงสุด 200,000 บาท และจำคุก 2 ปี หรือทั้งจำและปรับ หลังจากนั้นจะต้องดำเนินการนำขยะทั้งหมดกลับไปยังจุดโรงงานต้นทางตามกฎหมายด้วย
ขณะที่นายบุญยืน (สงวนนามสกุล) อ้างว่าเป็นเจ้าของพื้นที่รับดำเนินการกับขยะอุตสาหกรรม กล่าวว่า เริ่มนำขยะเข้ามาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา วันละ 1 คันรถบรรทุกพ่วง รวมกว่า 300 ตัน ไม่คิดว่าผิดกฎหมาย เพราะมีใบขนย้าย เนื่องจากบริษัทรับกำจัดขยะมาจากโรงงานในจังหวัดใกล้เคียงมีพื้นที่รองรับไม่เพียงพอ จึงนำมาคัดแยกที่สระแก้ว
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายอำเภอวังน้ำเย็น องค์การบริหารส่วนตำบล อุตสาหกรรมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งคณะทำงานในการขนย้ายขยะทั้งหมดออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน เพื่อให้กรมควบคุมมลพิษเข้าตรวจสอบว่ามีสารพิษหรือวัตถุอันตรายตกค้างในพื้นที่หรือไม่ รวมทั้งกำชับตำรวจให้ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย