กทม. 5 ก.ค.-แพทย์แนะหากถูกแมงมุมมีพิษกัดให้รีบทำความสะอาดและประคบเย็นบริเวณที่ถูกกัด ห้ามประคบร้อนเด็ดขาดเพราะพิษจะกระจาย ถ้ามีอาการรุนแรงให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมนำแมงมุมไปด้วย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีการเสนอข่าวประชาชนถูกแมงมุมมีพิษกัดบริเวณโคนนิ้วชี้ข้างขวา ซึ่งพิษทำให้แผลบวมไหม้เป็นสีดำ มีอาการปวดตามข้อกระดูกและทั่วร่างกาย และมีไข้ต่อเนื่อง จากข้อมูลดังกล่าว พบว่า ผู้ป่วยที่ถูกแมงมุมมีพิษกัดจะมีอาการทางผิวหนังเริ่มจากปวดเล็กน้อย เริ่มรุนแรงขึ้นและปวดต่อเนื่องร่วมสัปดาห์
สำหรับแมงมุมพิษที่มีอันตราย และควรระมัดระวัง จัดแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ แมงมุมแม่ม่ายดำ (black widow spider) และแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล (brown recluse spider) โดยลักษณะที่เด่นชัดของแมงมุมมีพิษให้สังเกตตรงบริเวณท้องจะป่องขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากแมงมุมที่เจอตามบ้านทั่วไป พิษของแมงมุมสามารถทำให้เกิดอาการทางระบบอื่นๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ไข้ หรือปวดศีรษะ ในบางรายอาจรุนแรงมาก เช่น ไตวาย หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันหลังโดนกัด
ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนทำให้สัตว์จำพวกแมลงมีพิษต่างๆ มักหลบซ่อนเข้ามาตามบ้านเรือนจึงควรทำความสะอาดและตรวจสอบเสื้อผ้าก่อนสวมใส่ ตรวจสอบที่นอนก่อนนอนเสมอ
สำหรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อถูกแมงมุมมีพิษกัด ให้รีบทำความสะอาดและประคบเย็นบริเวณที่ถูกกัด หากมีอาการปวดสามารถรับ ประทานยาแก้ปวดได้ ไม่ควรประคบร้อนที่บริเวณที่ถูกกัดโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้พิษแมงมุมกระจาย หากมีอาการรุนแรง เช่น คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ หรือปวดศีรษะ ให้รีบไปโรงพยาบาล โดยนำแมงมุมไปด้วย ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีเซรุ่มหรือยาต้านพิษ เนื่องจากพิษแมงมุมในประเทศไทยไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ .-สำนักข่าวไทย