พหลโยธิน 26 มิ.ย. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทยลดเป้าจีดีพีปีนี้เหลือ 3.1% หลังสงครามการค้ากดดันส่งออกทั้งปีไม่โต ประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังดีขึ้น
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาสงครามการค้ามีความยืดเยื้อที่ส่งผลกระทบกับส่งออกถึง 0.6% หรือ 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกของไทยปีนี้จะไม่ขยายตัวลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดจะขยายตัวได้ 3.2% ทำให้กดดันเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.9-3.3% หรือค่ากลางที่ 3.1% ลดลงจากประมาณการเดิมที่อยู่ที่ 3.7% ขณะที่ปี 2563 ยอมรับว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าอยู่ ซึ่งจะได้รับผลกระทบมากกว่า 0.6% ของจีดีพีแน่
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจีดีพีทั้งปีอาจปรับตัวลดลง แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่คาดว่าจะผลักดันนโยบายที่สอดคล้องกับที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ช่วงก่อนการเลือกตั้ง อาทิ นโยบายประชารัฐ การประกันรายได้พืชผลเกษตร รวมถึงนโยบายเร่งด่วนเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นชดเชยผลกระทบจากความล่าช้าของงบประมาณประจำปี 2563 ได้
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น คาดการณ์ว่าวันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ไปถึงช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อดูแลเสถียรภาพควบคู่กับการติดตามปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ยังมีอยู่มาก ขณะที่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 1-2 ครั้งในปีนี้ หลังสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มอ่อนแรงลง
ขณะที่สินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์นั้น เชื่อว่าตัวเลขการเติบโตทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 4.5% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 5% ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อภาคธุรกิจที่เติบโตช้าตามบรรยากาศเศรษฐกิจ รวมถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีที่คงทยอยรับรู้ผลกระทบจากการเร่งซื้อล่วงหน้าไปแล้วก่อนมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) นั้น แม้จะมีโอกาสปรับขึ้นในช่วงระหว่างปี โดยเฉพาะจากหนี้ที่เคยปรับโครงสร้างไปแล้ว แต่ทั้งปีน่าจะรักษาระดับไว้ที่ 2.98-3% ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.97-2.98% . – สำนักข่าวไทย