ศิริราช 26 มิ.ย.-ศิริราชแถลงผลตรวจชื้นเนื้อ ‘น้ำตาล’ ไขปริศนาเลือดออกจำนวนมาก พบมีเชื้อวัณโรคหลังโพรงจมูก ส่วนสาเหตุที่เลือดออกเยอะ น่าจะเป็นเพราะจุดเกิดโรคใกล้กับเส้นเลือด ย้ำโอกาสเกิดวัณโรคหลังโพรงจมูกพบน้อย และติดต่อกันยาก ไม่มีสัญญาณบ่งชี้ แนะทุกคนหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ขณะเดียวกันเคยมีคนไทยป่วยรักษาหายขาด 39 คน
นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ แพทย์ประจำสาขาวิชาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ภาควิชาศัลยศาสตร์ กแถลงผลการตรวจวินิจฉัย ‘น้ำตาล’ บุตรศรัณย์ ทองชิว หรือน้ำตาล เดอะสตาร์ 5 ว่า หลังจากน้ำตาลได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางคณะแพทย์ ฯได้ขออนุญาตส่องกล้องดูบริเวณหลังโพรงจมูก และพบว่าเยื่อบุหลังโพรงจมูก มีสีผิดปกติ ไปจากปกติ ขนาด 05.- 1 ซม. จึงตัดชื้นเนื้อ พบมี เลือดไหลออกมาจาก หลังจากย้อมชื้นเนื้อ พบว่าเข้าได้กับวัณโรค แต่ไม่พบเชื้อ จึงทำการตรวจด้วยวิธีการตรวจหา DNA ของเชื้อวัณโรค ให้ผลเป็นบวก และผลตรวจชิ้นเนื้อบ่งชี้ว่ามีเชื้อวัณโรคหลังโพรงจมูก ซึ่งในกรณีนี้มีโอกาสติดต่อกันได้น้อย
รศ.ปรัญญา กล่าวว่า ต้องขอบคุณครอบครัวของน้ำตาลที่ให้โอกาสได้นำชิ้นเนื้อมาตรวจ เนื่องจากขณะนี้คุณแม่ของน้ำตาลยังอยู่ในภาวะเสียใจ แต่ก็คิดที่จะให้ความรู้กับคนอื่นด้วย สำหรับการตรวจชิ้นเนื้อนี้ ได้มีการ ตัดชิ้นเนื้อไปบางส่วนหลังจากน้ำตาลเสียชีวิต
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับโอกาสพบเชื้อวัณโรคหลังโพรงจมูกเกิดขึ้นได้น้อยมาก และไม่สามารถทราบก่อนได้ล่วงหน้า ส่วนใหญ่คนมักคิดว่าป่วยโรคมะเร็ง เพราะอาจมาด้วยอาการ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หรือมีก้อนหลังโพรงจมูก แต่อย่างไรก็ตามสำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูกที่เกิดขึ้นกับ น้ำตาล ถือว่าไม่เคยมีรายงานทางการแพทย์ที่พบเลือดออกในปริมาณมากเช่นนี้ คาดว่าสาเหตุที่มีเลือดออกในปริมาณมาก มาจากจุดของเชื้อวัณโรคที่เกิดขึ้นใกล้เส้นเลือด เมื่อมีการอักเสบทำให้เลือดออกได้ง่าย
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับวัณโรคหลังโพรงจมูกเกิดขึ้นได้น้อย บางคนไม่แสดงอาการเหมือนกับกรณีของน้ำตาล ที่จากการสอบถามข้อมูลกับแม่ของน้ำตาลก็ไม่พบว่าน้ำตาลมีอาการมาก่อน ไม่ได้ไอเป็นเลือดหรือแสดงอาการแต่อย่างใด ซึ่งสำหรับการติดต่อกับคนอื่นก็น้อยมากเช่นกัน ไม่เหมือนวัณโรคอื่น โดยประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยวัณโรคหลังโพรงจมูกครั้งแรกในปี 2535 และมีผู้ป่วยที่สามารถรักษาหายขาดได้ถึง 39 คน แบ่งเป็นรักษาที่ จ.ขอนแก่น หาย 23 คน ,รักษาที่รพ.ศิริราชหาย 15 คน และ รักษาที่กทม. หาย 1 คน แต่ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง 9 เดือน ถึง 1 ปี
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับวัณโรค แต่อยากให้มองเรื่องของน้ำตาลไว้เป็นวิทยาทาน และหันมาตรวจสุขภาพประจำปี เพราะอย่างน้อยก็สามารถป้องกันได้ เช่นคนที่มีไข้ต่ำ น้ำหนักลด เบื่ออาหาร คลำมีก้อนตามร่างกาย อาการเหล่านี้อย่านอนใจ ควรรีบมาตรวจพบแพทย์ เพราะเป็นพื้นฐานของโรคมะเร็ง ส่วนกรณีวัณโรคนั้น อุบัติการณ์ของโรคสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย และสามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายอวัยวะ บางคนเป็นวัณโรคกระดูกก็มี
ทั้งนี้ จากสถิติของประเทศไทย ในปี 2560 พบคนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 80,000 คนจากประชากร 69 ล้านคน โดยร้อยละ 83 เป็นวัณโรคปอด ส่วนร้อยละ 17 เป็นวัณโรคนอกปอด ซึ่งวัณโรคหลังโพรงจมูก พบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 และ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยมักไม่แสดงอาการ.-สำนักข่าวไทย