สุราษฎร์ธานี 22 มิ.ย.- เฟซบุ๊ก “กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง” โพสต์ผลชันสูตรซากวาฬบรูด้า เพศผู้ ที่สุราษฎร์ฯ เทียบรูปพรรณเป็น “เจ้าเด่น” ที่พบบริเวณอ่าวไทยตอนบน พบปัญหาระบบการทำงานอวัยวะภายในอาจเกิดจากการเจ็บป่วย เก็บชิ้นส่วนศึกษาวิจัยงานด้านพันธุศาสตร์
กรณีพบซากวาฬบรูด้ากลางทะเล ห่างจากชายฝั่งประมาณ 4 กิโลเมตร ท้องที่หมู่ 7 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี รอยต่อกับ อ.ละแม จ.ชุมพร และเจ้าหน้าที่ได้นำซากวาฬขึ้นฝั่งบริเวณหาดสวนสน บ้านท่ากระจาย หมู่ 1 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้สัตวแพทย์ศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย ซึ่งเป็นวาฬบรูด้า เพศผู้ อายุประมาณ 10 ปี ความยาวลำตัว 10.80 เมตร น้ำหนักประมาณ 10 ตัน
ล่าสุด (22 มิ.ย.) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัยศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงผลชันสูตรซากวาฬบรูด้าที่นำขึ้นฝั่งที่ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า จากการเทียบรูปพรรณพบว่าเป็นวาฬที่พบในบริเวณอ่าวไทยตอนบนชื่อ “เจ้าเด่น” ซึ่งมีการสำรวจและบันทึกการพบ ไว้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 ส่วนผลการชันสูตรพบว่า วาฬมีรอยแผลเป็นในบริเวณเพดานปาก ผิวหนังส่วนใหญ่หลุดลอก พบรอยถลอกบนลำตัวทั้ง 2 ข้าง อวัยวะเพศโผล่ยื่นออกมาเนื่องจากการเน่า กล้ามเนื้อบริเวณโคนหาง และบริเวณสะบักมีการบวม แดงและการคั่งของเลือด ซึ่งเป็นลักษณะที่เกิดการบอบช้ำ พบลิ่มเลือดภายในช่องท้องเล็กน้อย แสดงว่าวาฬมีการตกเลือดในช่องท้อง ภายในหัวใจไม่มีเลือด ซึ่งเกิดจากการบีบตัว บ่งชี้ว่าวาฬเกิดการช๊อกก่อนตาย รวมทั้งพบฟองอากาศในหลอดลมและพบลิ่มเลือดในหลอดลมภายในปอด เนื้อปอดปกติ ในระบบทางเดินอาหารไม่พบอาหารตลอดทางเดินอาหาร พบเพียงส่วนของลูกตาปลาในกระเพาะอาหารหลัก แลก้างปลาขนาดเล็กในส่วนของลำไส้ใหญ่ แสดงว่าวาฬไม่สามารถหาอาหารได้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และระบบการย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนอวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ ม้าม ไต เน่าสลายจนไม่สามารถระบุความผิดปกติได้ เนื่องจากซากเน่าจึงไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้แน่ชัด แต่วาฬอาจมีการป่วยและสำลักน้ำก่อนตาย ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นส่วนผิวหนังเพื่อศึกษาวิจัยงานด้านพันธุศาสตร์ และมีการเก็บตัวอย่างตับเพื่อตรวจหาสารชีวพิษ
ทั้งนี้ ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเก็บโครงกระดูกเพื่อใช้ในการจัดแสดงให้ความรู้แก่ชุมชนต่อไป.-สำนักข่าวไทย
ขอบคุณข้อมูลและภาพ FB: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง


