ศาลปกครอง 20 มิ.ย.-อนันต์ชัยร้องศาลปกครองเพิกถอนเหมืองปูน บริษัททีพีไอ โพลีน เหตุรุกป่าสงวน -พื้นที่ลุ่มน้ำ 1เอ ทำ EIA มิชอบ เกรงทำลายพื้นที่สีเขียว เรียกร่องชาวสระบุรีช่วยกันปกป้อง
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากวัดถ้ำพระโพธิ์สัตว์ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ 29 แห่งและเอกชน 2 ราย คือ บริษัท TPI โพลีน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทเอ บี อี เอ็น เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นท์ จำกัดต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนสัมปทานเหมืองแร่ของบริษัททีพีไอ โพลีนไม่ให้ดำเนินการในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ และในรัศมี 2,000 เมตรรอบวัดถ้ำพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นโบราณสถาน เพิกถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเซนต์ของบริษัททีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) และเพิกถอนคำอนุญาตของกรมป่าไม้ที่อนุญาตให้บริษัททีพีไอ เข้าใช้ป่าสงวน
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ตนเป็นลูกศิษย์วัดถ้ำพระโพธิสัตว์ ทางวัดต่อสู้กับเรื่องนี้มาเกือบ 30 ปี เพราะพื้นที่โดยรอบวัดเป็นป่าสงวนแห่งชาติ มีโบราณสถานเก่าแก่ เช่นภาพแกะสลักนูนต่ำสมัยทาราวดีอายุ 1,200 ปี เป็นสถานที่ที่รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสต้น และกรมศิลปกรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ต่อมาบริษัททีพีไอขอสัมปทานทำเหมืองหินปูน อ้างว่าได้รับสัมปทานมาอย่างถูกต้อง ทั้งที่บริเวณโดยรอบกรมทรัพยากรธรณีเคยมีหนังสือแจ้งเจ้าอาวาสวัดถ้ำพระโพธิสัตว์ในปี 2536 ว่าในรัศมี 2,000 เมตรรอบวัด กรมทรัพยกรธรณีจะไม่ออกสัมปทานบัตรให้กับเอกชนรายใด ทำให้ตนต้องฟ้องต่อศาลปกครองไปแล้วเมื่อปี 2560 ซึ่งศาลมีคำสั่งคุ้มครองไม่ให้เปิดหน้าเหมืองเพิ่ม
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า “แต่กลับพบว่าทางบริษัทลักลอบเปิดหน้าเหมือง อีกทั้งสัมปทานเดิมจะหมดปี 2564 ทางบริษัท ทีพีไอ จึงขอสัมปทานเพิ่มอีก 30 ปี และขยายพื้นที่ออกไปอีก 4 แปลง ซึ่งเข้าไปในพื้นที่ ที่จัดเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ กำหนดเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร จึงได้ร้องเรียนกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็อ้างว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติยกเว้นพื้นที่ 1เอให้ทำเหมืองได้ ก็ต่อสู้มาและเมื่อวันที่ 7 มกราคมได้ไปติดตามที่สำนักนโยบายและแผน กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็อ้างว่ายังไม่ได้อนุมัติและจะนำข้อห่วงใยของทางวัดไปพิจารณา แต่ก็ถูกหลอก โดยวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 อุตสาหกรรมจังหวัดได้ทำประชาพิจารณ์ ตนกับชาวบ้านก็ไปร่วมด้วยและได้รับเอกสารฉบับหนึ่ง มีเนื้อหาระบุว่า 22 มกราคม 2562 หลังวันที่ตนไปที่สำนักนโยบายและแผนฯไม่กี่วัน คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่ เห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่แล้ว
“ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงชาวบ้านยังไม่รู้เรื่องกับโครงการนี้เลย จึงถือว่าอีไอเอ ดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทราบมาว่าในวันที่ 24 มิถุนายนนี้จะนำมตินี้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ หากเห็นชอบจะเสนอครม.พิจารณา ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ ทีพีไอจะทำเหมืองปูนได้ตลอด 30 ปีในพื้นที่ที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ผมอยากให้ชาวสระบุรีลุกขึ้นมาปกป้องผืนป่า ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ โบราณสถาน ที่เป็นสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย เพราะถ้าไม่ต่อสู้ ต่อไปจะไม่มีพื้นที่สีเขียว ไม่มีฟาร์มโคนม ไม่มีแหล่งต้นน้ำลำธาร ถ้าเราไม่ช่วยกันต่อสู้ ทุกอย่างก็หมดจริง ๆ” นายอนันต์ชัย กล่าว
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้นำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวเสนอที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมในวันที่ 24 มิถุนายน เนื่องจากเป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือหากที่สุดคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและครม.มีมติเห็นชอบ ก็จะฟ้องคดีอาญา มาตรา 157 กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ.-สำนักข่าวไทย
