กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.-กรุงเทพโพลล์ สำรวจความเห็นประชาชน ส่วนใหญ่ร้อยละ 65.6 เห็นว่ารัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ส่วนร้อยละ 64.1 เห็นว่ารัฐบาลจะเผชิญกับความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่ง โควตารัฐมนตรี ขณะที่ร้อยละ 59.6 อยากให้สานต่อนโยบายแบบไร้รอยต่อด้านการช่วยเหลือผู้ยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และร้อยละ 53.1 วอนรัฐบาลรีบดำเนินการนโยบายเพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน
กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “มุมมองประชาชนต่อความท้าทายที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,196 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.6 เห็นว่ารัฐบาลใหม่จากการผสมกว่า 19 พรรคการเมือง จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 34.4 เห็นว่า จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลใหม่จะเผชิญกับความท้าทายด้านเสถียรภาพทางการเมืองมากที่สุด คือ ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่ง โควตารัฐมนตรี คิดเป็นร้อยละ 64.1 รองลงมาคือ กระแสข่าวโจมตีรัฐบาล คิดเป็นร้อยละ 43.8 และจำนวนเสียงที่ใกล้เคียงกันระหว่าง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน คิดเป็นร้อยละ 41.6
ส่วนนโยบายที่รัฐบาลใหม่ควรเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศและแก้ปัญหาต่าง ๆ สานต่อจากที่ค้างคาไว้ในอดีต แบบไร้รอยต่อ พบว่า อันดับแรก คือ ช่วยเหลือผู้ยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม คิดเป็นร้อยละ 59.6 รองลงมาคือ ปฏิรูปเศรษฐกิจ การลงทุนที่มีนวัตกรรมและการวิจัย คิดเป็นร้อยละ 58.1 และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น คิดเป็นร้อยละ 44.7
เมื่อถามว่า นโยบายหาเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่อยากให้รีบดำเนินการมากที่สุด คือ เพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน คิดเป็นร้อยละ 53.1 รองลงมาคือ ทวงคืนกำไรให้ชาวสวน ชาวนา คิดเป็นร้อยละ 51.5 และเศรษฐกิจประชารัฐ คิดเป็นร้อยละ 45.3.-สำนักข่าวไทย