เร่งขยายผลยึดยาไอซ์ 840 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เมลเบิร์นส่งจากไทย

กรุงเทพฯ 8 มิ.ย.- ออสเตรเลียยึดยาไอซ์ได้มากเป็นประวัติการณ์ 840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ  26,880 ล้านบาท ซุกซ่อนในลำโพงเครื่องเสียงที่ส่งจากไทย


สำนักงานป้องกันชายแดนออสเตรเลีย พบยาไอซ์น้ำหนัก 1.6 ตัน และเฮโรอีน 37 กิโลกรัมในห่อสุญญากาศ เก็บเอาไว้ภายในตู้ลำโพง และขนส่งมาถึงท่าเรือนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย นับเป็นการยึดยาไอซ์ได้ครั้งใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยในขบวนการ ซึ่งตำรวจได้ขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแส โดยไอซ์ลอตนี้มีราคาขายในท้องตลาดสูงถึง 26,880 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับร้อยละ 10 ของมูลค่าการซื้อขายยาเสพติดทั้งหมดที่ยึดได้ในปีก่อน


รายงานข่าวจากสำนักข่าว AP ระบุว่า ออสเตรเลียกำลังกลายมาเป็นเป้าหมายสำคัญของขบวนการลักลอบขนยาเสพติด เนื่องจากขายได้ราคาสูง ซึ่งตำรวจออสเตรเลียกำลังอยู่ระหว่างสกัดกั้นอย่างเข้มข้น 

นอกจากนี้ ยังพบว่ายาเสพติดทั้งไอซ์ และเฮโรอีน กลายเป็นปัญหาที่หนักหน่วงกว่ากัญชาในเมืองใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในออสเตรเลีย ขณะที่ “วอชิงตันโพสต์” รายงานอ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ระบุว่า ไทยไม่ใช่ผู้ผลิตยาเสพติดรายสำคัญ แต่พบว่าเป็นเส้นทางผ่านและจุดส่งต่อยาเสพติดไปยังจุดอื่นๆ

ตร.ไทยยังไม่ได้รับรายงานยึดไอซ์ 26,880 ล้านที่ออสเตรเลีย


ด้าน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากออสเตรเลีย กรณีที่มีข่าวว่าทางการออสเตรเลีย สามารถยึดไอซ์ 1.6 ตัน และเฮโรอีน 37 กิโลกรัม มูลค่าราว 840 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 26,880 ล้านบาท ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในลำโพง อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่ายาเสพติดดังกล่าวใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และขนส่งทางเรือก่อนไปที่ออสเตรเลีย ทั้งนี้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติดประสานความร่วมมือกับประเทศปลายทางที่พบว่ามียาเสพติดจากไทยส่งไปถึง อาทิ ไต้หวัน, ฮ่องกง, ออสเตรเลีย, จีน และประเทศในแถบอาเซียน 

ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รายงานว่า สถานการณ์ยาเสพติดในขณะนี้ พบว่าเครือข่ายยาเสพติดได้เปลี่ยนเส้นทางลำเลียง จากเดิมที่จะใช้เส้นทางภาคเหนือไปยังภาคใต้ แต่ปัจจุบันพบว่าบางส่วนมาจากจังหวัดกาญจนบุรี, ตาก และระนอง ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนที่ติดกับประเทศเมียนมา และมีเส้นทางเชื่อมต่อกัน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้เส้นทางเหล่านี้หลบเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เพื่อนำยาเสพติดเข้ามาในไทย ก่อนส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 และที่สำคัญพบว่าระยะนี้เป็นฤดูฝน ทำให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด เร่งส่งของไปออกไปแหล่งผลิตเพื่อป้องกันความเสียหายของยาเสพติด ทำให้ระยะนี้มีการจับกุมยึดของกลางได้มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ส่งชาวจีนกลับบ้าน

เสร็จสิ้นภารกิจส่ง 621 เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน

จบภารกิจส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา รวม 3 วัน 13 เที่ยวบิน ส่งกลับชาวจีน 621 คน ที่เหลือต้องรอการเจรจา 3 ฝ่าย ไทย จีน และเมียนมา กำหนดแนวทางรับตัวอีกครั้ง

ทำบุญครบรอบแตงโมเสียชีวิต

เพื่อนสนิททำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เสียชีวิต

กลุ่มเพื่อนสนิทของ “แตงโม ภัทรธิดา” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ จัดพิธีทำบุญครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของนางเอกคนดัง ที่วัดปากน้ำ ซ.พิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง