พิษณุโลก 30 พ.ค.-ไม่อายทำกิน ครูหยี่ ทองรุ่ง วัย 62 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตรองผอ.รร.วัดศรีรัตนาราม ใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณมาขายพวงมาลัยที่แยกเอ็กซเรย์ ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลกทุกเช้า แม้จะเดินกระเผกแขน ขาซีกซ้าย ใช้งานไม่ดี จากอุบัติเหตุรถคว่ำ บอกทำแล้วมีความสุข เป็นอาชีพสุจริต มีรายได้เสริมเข้าครอบครัว
ที่แยกเอ็กซเรย์ ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จุดตัดของทางหลวงหมายเลข 117 หรือ ถนนพิษณุโลก-นครสวรรค์ และถนนเลี่ยงเมืองพิษณุโลก ทุกเช้านายหยี่ ทองรุ่ง ครูหยี่ หรือรองหยี่ อายุ 62 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ เกษียณเมื่อปี 2560 ตำแหน่งรองผอ.โรงเรียนวัดศรีรัตนาราม รัตนราษฎร์สงเคราะห์ หรือโรงเรียนวัดจูงนาง จะมาพร้อมกับภรรยานางชไมพร ทองเสริฐ เดินขายพวงมาลัยดอกไม้สดให้กับผู้ขับรถยนต์ที่มาจอดติดสัญญาณไฟจราจร ตามแยก ครูหยี่ แม้ว่าร่างกายจะไม่สมประกอบ แขน และ ขา ซีกซ้าย ขยับได้ไม่ถนัด จากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ด้วยวัย 62 ปี ครูหยี่ ยังคงแข็งแรง สามารถเดินไปมาในบริเวณแยก ค่อย ๆ เดินกระโผกกระเผก ขายพวงมาลัยพวงละ 20 บาททุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. โดยประมาณ
โดยระหว่างรถจากถนนเลี่ยงเมือง มาติดสัญญาณไฟแดงที่แยกเอ็กซเรย์ เพื่อมุ่งหน้าเข้าถนนพิษณุโลก-นครสวรรค์ ครูหยี่ จะเดินไปยังจุดที่รถจอดคันแรก และเดินย้อนกลับมาขายพวงมาลัยให้กับผู้ที่จอดรถรอ บางไฟแดงก็ขายได้ บางไฟแดงก็ขายไม่ได้ เจ้าตัวก็จะเดินไปมาอย่างนี้ตลอด ในขณะที่หลายคนก็รู้ว่าครูหยี่เคยเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียน แต่อีกจำนวนมากคงไม่รู้ ด้วยการแต่งกายและท่าทางเหมือนกับผู้ที่ขายพวงมาลัยตามแยกไปแดงต่าง ๆ ทั่วไป
ครูหยี่ หรือรองหยี่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเกษียณจากข้าราชการครูมาตั้งแต่ปี 2560 ในตำแหน่งสุดท้าย รองผู้อำนวยการโรงเรียนศรีรัตนนาราม รัตนราษฎร์สงเคราะห์ หรือโรงเรียนวัดจูงนาง ตำบลท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก และปัจจุบันก็พำนักมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลท่าทอง หลังจากเกษียณแล้ว ยังช่วยโรงเรียนสอนนักเรียนต่ออีกสองปี โดยไม่ขอรับค่าจ้าง ด้วยบางช่วงโรงเรียนจะขาดครู การมาขายพวงมาลัยบริเวณแยกเอ็กซเรย์ เริ่มเมื่อประมาณต้นปี 2562 นี่เอง หลังจากก่อนหน้านี้ได้มานั่งรอแฟนที่เคยประกอบอาชีพขายพวงมาลัยบริเวณนี้มาก่อน กระทั่งขอมาช่วยแฟนขายพวงมาลัย ไม่อยากนั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ได้มาเดินออกกำลังกาย ได้พบปะผู้คนที่ขับรถผ่านมา และได้รายได้เสริมเข้าครอบครัวด้วย เฉลี่ยวันละ 400-500 บาท “บางคนก็รู้ว่าตนเองเคยเป็นครู โดยเฉพาะประชาชนละแวกตำบลท่าทอง เพื่อนฝูงที่เป็นครูและลูกศิษย์หลายคนก็รู้ ต่างก็ชื่นชม บางคนก็ถามทำไมต้องมาขายพวงมาลัย ตนเองก็ตอบกลับไปว่าเป็นอาชีพสุจริต และมีแต่ผลดี ได้ช่วยแฟนขาย ช่วยให้มีรายได้เข้าครอบครัว ได้ออกกำลัง ได้พบผู้คน ลูกศิษย์บางคนขับรถสิบล้อผ่านมาจอดที่แยกก็จะลงจากรถมาช่วยตนเองซื้อพวงมาลัย บางคนที่เป็นลูกค้าประจำหลายครั้งก็จะซื้อของมาฝาก ซื้อเสื้อแขนยาวมาให้เพราะเห็นร้อน ตากแดดทุกวัน ตนเองต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่มีอุปการคุณช่วยอุดหนุนพวงมาลัยเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่ท้อแท้ ตกงาน ก็ขอให้มีความพยายาม ทำงานอะไรก็ได้ ที่เป็นอาชีพสุจริต” ครูหยี่กล่าว
ครูหยี่ เปิดเผยประวัติกับทีมข่าวว่ามีภูมิลำเนาอยู่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เริ่มเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อ.เนินมะปราง สอนคณิตศาสตร์ พละ จากนั้นสอบผู้บริหารไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนวัดห้วยดั้ง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก และประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์คว่ำเมื่อ 20 ปีก่อน สมองได้รับผลกระทบ มีเลือดคลั่ง ส่งผลกระทบกับแขน และขา ด้านซ้ายอ่อนแรง คล้ายอัมพฤกษ์ จากนั้นก็ขอย้ายมาสังกัดสำนักงานประถมศึกษาอำเภอเมืองพิษณุโลก และย้ายมาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ และเกษียณในตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม เมื่อปี 2560 จากนั้นช่วยสอนต่อโดยไม่รับค่าจ้างที่โรงเรียนวัดศรีรัตนาราม เป็นเวลา 2 ปี กระทั่งมาช่วยแฟนขายพวงมาลัยที่แยกเอ็กซเรย์เมื่อต้นปี 2562.-สำนักข่าวไทย