กทม. 30 พ.ค.กองปราม แฉ 4 แผนประทุษกรรมแก๊งสวมซากรถยนต์หรู ในรอบ 6 เดือนยึดรถได้กว่า 10 คัน มูลค่ารวมกว่า 200 ล้าน
รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ หลากหลายยี่ห้อกว่า 10 คันนี้ อาทิ ลัมโบร์กินี , เฟอร์รารี และเบนลี่ย์ เป็นของกลางที่ ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กองบังคับการปราบปราม ตรวจยึดจากการปฏิบัติการในรอบ 6 เดือน คือระหว่างธันวาคม 2561 ถึงพฤษภาคม 2562 รวมมูลค่าท้องตลาดกว่า 200 ล้านบาท
พลตำรวจตรีจิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า มีการลักลอบนำเข้ารถยนต์หรู จากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ก่อนปลอมเอกสาร และสำแดงเอกสารเท็จ แล้วจะมีขบวนการนำมาสวมซาก สวมทะเบียน และปลอมเอกสารเพื่อให้รถถูกกฎหมาย พบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้จำนวนมาก
ทั้งนี้ พบว่าแผนประทุษกรรมของขบวนการเหล่านี้ มี 4 รูปแบบ คือ การสวมซากจากรถที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น รถลัมโบร์กินี กัลลาโด้ สีส้ม ซึ่งเอาเลขทะเบียน และตัวถัง มาสวมกับรถยนต์รุ่นเดียวกันแต่คนละสี ที่ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการทำเลขตัวถังปลอมขึ้นมา ให้ตรงกับรถที่จะสวมซาก แม้แต่เลขที่กระจกข้าง กระจกหน้า ก็มีการปลอมแปลงเลข ซึ่งขบวนการนี้มีฝีมือมาก ต้องใช้เจ้าหน้าที่ผู้เชั่ยวชาญ ,เป็นการสวมซากรถเก่าที่ได้จากการประมูลกรมศุลกากร เช่นรถเฟอร์รารี่ รุ่น แคลิฟอร์เนีย สีแดง ที่นำเล่มทะเบียนของรถเฟอร์รารี่อีกรุ่น และคนละปี ที่ได้จากการประมูลมาในราคาถูกกับกรมศุลกากร มาคัดเลขตัวถังกับรถที่ลักลอบนำเข้ามา จนสามารถนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งได้ ซึ่งกองปราบอยู่ระหว่างการขยายผล, ปลอมแปลงเอกสารการนำเข้าของกรมศุลกากร อาทิ รถยี่ห้อเบนลี่ย์ ที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะการผ่านแดนเข้ามาเพื่อท่องเที่ยว ก่อนปลอมเอกสารนำเข้าขึ้นมาใช้ สวมเป็นทะเบียน และการสวมทะเบียน กับรถยนต์ถูกกฎหมายอีกคัน หรือเรียกกันว่า ทำรถแฝด ซึ่งขยายผลการจับกุมได้จากการตรวจสอบในอินเตอร์เน็ต ที่มีราคาถูกของตลาด
ส่วนการเอาผิด ผู้ครอบครองรถเหล่านี้ทางกองปราบปรามจะดูมี เจตนา ของมีผู้ครอบครอง เพราะมีทั้งผู้ที่รู้ว่ารถสวมทะเบียนเข้ามา และผู้ที่ถูกหลอก พร้อมแนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบประวัติรถก่อนซื้อ, ตรวจสอบราคากลาง ต้องถูกกว่าท้องตลาด, ตรวจสภาพก่อนการจดทะเบียน หรือการนำโอนรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก และการตัดสินใจซื้อควรผ่านระบบไฟแนนซ์ที่จะช่วยคัดกรองอีกทางหนึ่ง หรือหากมีข้อสงสัยสามารถโทรไปได้ที่สายด่วน 1195 .-สำนักข่าวไทย
