“มาดามเดียร์” รับหนังสือรับรอง ส.ส. ดีใจได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชน

กกต. 29 พ.ค.-“มาดามเดียร์” รับหนังสือรับรอง ส.ส. ดีใจได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชน มั่นใจหุ้นสื่อไม่กระทบเก้าอี้ ส.ส. ขายทิ้งก่อนสมัคร เพราะการเป็น ส.ส.ต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย เผย พปชร.เจรจาพรรคร่วมจัดสรรตำแหน่ง รมต. เรื่องปกติของการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเสถียรภาพ มั่นใจไม่มีแผนเลือกนายกฯ แล้วยุบสภา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ค.) เวลา 10.00 น. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

น.ส.วทันยา ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ และตั้งใจว่าในการเข้ามาทำหน้าที่ ส.ส.ครั้งแรก ในฐานะตัวแทนของประชาชน จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในเรื่องของงานจะดูความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งตนสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี และครั้งหนึ่งเคยเข้าไปทำงานในวงการกีฬา จึงมีความตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานตรงจุดนี้


เมื่อถามว่า ธุรกิจที่เคยทำอยู่จะเป็นปัญหาต่อการเข้ามาทำงานหรือไม่  น.ส.วทันยา ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะก่อนที่จะเข้าสมัครเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างครบถ้วน และปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอนครบถ้วนแล้ว

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ เพราะขณะนี้คนในครอบครัวยังถือหุ้นสื่ออยู่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ไม่กังวลและคิดว่าไม่เป็นปัญหา เพราะก่อนที่เข้ามาสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาเป็นตัวแทนของประชาชน  มาเป็นตัวแทนของประเทศ  ขั้นตอนและระเบียบของกฎหมาย เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่คนจะมาเป็น ส.ส.ต้องศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดและรอบครอบครบถ้วน ขอยืนยันว่าก่อนที่เข้ามาได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายทุกกระบวนการ ทั้งส่วนของตัวเอง สามี และครอบครัว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เคยมีชื่อถือหุ้นสื่อฯ หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า เคยมี แต่ได้ทยอยขายหุ้นสื่อทุก ๆ บริษัทไปตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม 2561 เป็นช่วงก่อนที่จะสมัครสมาชิก และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็มีเอกสารของการขายหุ้นยืนยันอย่างชัดเจน


เมื่อถามว่าอยู่ลำดับสุดท้ายของบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐห่วงหรือไม่ว่าจะหลุด หากมีการเลือกตั้งและการคำนวณใหม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ไม่มีความกังวล เพราะจากที่เคยทำงานในวงการกีฬาได้สอนให้เรารู้แพ้ รู้ชนะ และสำคัญ คือ การรู้อภัย ไม่ว่าผลคำนวณจะออกมาอย่างไร เราก็พร้อมยอมรับกติกา ซึ่งมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนในเรื่องของการคำนวณ

ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ น.ส.วทันยา กล่าวว่า อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว และเท่าที่ทราบ ทางผู้ใหญ่ของพรรคอยู่ระหว่างการเจรจากับพรรคที่เราอยากจะเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาล  ซึ่งก่อนที่จะมีการตั้งรัฐบาล จำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยกันในเรื่องนโยบายการทำงาน และในส่วนของการจัดสรรกระทรวงต่าง ๆ เป็นเรื่องปกติของการจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องมีการเจรจากัน

เมื่อถามว่า กรณีที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐบางคนออกมาพูดว่าอาจจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีไปก่อน ถ้าเกิดปัญหาก็อาจจะมีการยุบสภาในภายหลัง น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนได้ฟังการสัมภาษณ์ของนายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค ไม่เห็นว่าถ้อยคำที่นายณัฎฐพลให้สัมภาษณ์จะมีการชี้ประเด็นไปที่ให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน ตรงกันข้าม นายณัฎฐพลย้ำชัดเจนว่าในเรื่องปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ที่เกิด  อยู่ในขั้นตอนระหว่างการพูดคุย  และสำคัญที่สุด ทุกคนในพรรคพลังประชารัฐรู้สึกตรงกันว่าเราไม่อยากให้ปัญหาไปถึงจุดนั้น  เพราะในการทำงาน เราอยากฟังเสียงของประชาชน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด และเราอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีเสถียรภาพและดำเนินไปด้วยความราบรื่น  ไม่ประสงค์ที่จะให้การเลือกหรือการจัดตั้งรัฐบาลไปถึงจุดนั้น

เมื่อถามว่า จะไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ น.ส.วทันยา ไม่ขอแสดงความเห็น แต่กล่าวว่า จากที่แกนนำให้สัมภาษณ์ พรรคพลังประชารัฐก็เหมือนกับว่าเราจะไปเชิญพรรคต่าง ๆ เข้ามาร่วม  และจะมีการพูดคุย  ซึ่งขั้นตอนการเจรจา ต้องเป็นไปตามกระบวนการของพรรคพลังประชารัฐ และเราอยากจะทำให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าดูจากเจตนารมณ์ของพรรคพลังประชารัฐ เราอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดเสถียรภาพ

ส่วนเช้าวันนี้ (29 พ.ค.) น.ส.จิตภัสร์ ตั้น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับหนังสือรับรอง ส.ส. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมขอขอบคุณประชาชนที่มอบคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ และตั้งใจจะเข้าไปทำงานในสภาในฐานะ ส.ส.อย่างเต็มที่

เมื่อถามถึง ประเด็นที่ได้ถูกพูดถึงโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ที่แฮชแท็ก “ตั๊นพันเจ็ด”  น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า ไม่ได้ติดตาม เพราะตอนนี้ก็ประชุมทุกวัน  เพราะเป็นรองเลขาธิการพรรคด้วย ก็ตั้งใจว่าจะทำงานให้ดี .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย