“อรรถพล”ออกหนังสือค้านการแต่งตั้งเลขาฯสกสค.

กทม. 29 พ.ค.-ผู้ตรวจศธ.ในฐานะเลขาธิการสกสค.ออกหนังสือค้านคำสั่งแต่งตั้งเลขาสกสค.และผอ.องค์การค้า หลังพบการแต่งตั้งไม่ชอบธรรม ไม่เป็นไปตามธรรรมาภิบาล พร้อมเตรียมฟ้องศาลปกครอง


นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยถึงกรณีที่ คณะกรรมการสกสค.ที่มีนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่แทนรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการสกสค.ได้คัดเลือกเลขาธิการรสกสค. โดยมีผู้ได้รับเสนอชื่อ 2 ราย คือ นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ.และนายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้ตรวจราชการศธ. โดยที่ประชุมมีมติเลือกนายณรงค์ แผ้วพลสง ทำหน้าที่เลขาธิการสกสค. ส่วนตำแหน่งผอ.องค์การค้าของสกสค.ได้เลือกนายอดุลย์ บุสสา อดีตรองผอ.องค์การค้าสกสค.นั่งตำแหน่งผอ. และในวันเดียวกันนายการุณ ก็ได้ลงนามในคำสั่งคณะกรรมการสกสค.ที่ 2/2562 และ 3/2562 แต่งตั้งทั้ง 2 ตำแหน่งทันทีนั้นว่า ตนได้ออกหนังสือขอให้เพิกถอนคำสั่งทั้ง 2 คำสั่งดังกล่าว และเตรียมจะฟ้องศาลปกครองและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยขณะนี้ถือว่าตนยังปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค.อยู่ เพราะเป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยรมว.ศธ. หากจะให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องให้รมว.ศธ.มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ 

โดยใจความสำคัญของหนังสือระบุว่า  ตามที่คณะกรรมการสกสค. ได้นัดประชุมครั้ง ที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2562 เพื่อพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตําแหน่งเลขาธิการสกสค. และตําแหน่งผอ.องค์การค้าของสกสค. ในการประชุมได้มีมติคัดเลือกและออกคำสั่งคณะกรรมการสกสค.ทั้ง 2 คำสั่งนั้น เห็นว่า มีกระบวนการดําเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมายและขาดความโปร่งใส ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เห็นควรให้เพิกถอนมติที่ประชุมและคําสั่งที่ออกตามมติ โดยมีเหตุผลดังนี้


1. นายการุณ  สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีบันทึกเสนอถึงรองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้พิจารณากำหนดนัดวันประชุมซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการท้ายบันทึกเมื่อวันที่  24 พฤษภาคม 2562 ว่า “มอบปลัดฯ” ซึ่งต่อมานายการุณ  สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ใช้บันทึกฉบับดังกล่าวเป็นข้ออ้างว่ารองนายกรัฐมนตรีมอบอำนาจให้ตนดำเนินการจนเสร็จการ และได้มีการออกหนังสือเชิญประชุมคณะกรรมการ สกสค. จากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งๆที่เป็นหน้าที่โดยตรงของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ซึ่งมีฐานะเป็นเลขานุการของที่ประชุมโดยตำแหน่ง

2. ในช่วงก่อนวันที่ 28 พฤษภาคม  2562  ทราบว่าปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้โทรศัพท์สั่งการไปยังกรรมการบางคนให้ลงคะแนนเลือกผู้เข้ารับการสรรหาเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. รายนายณรงค์  แผ้วพลสง (มีไฟล์เสียงพร้อมแสดงในภายหลัง)  

3. วันที่ 28 พฤษภาคม 2562 เวลา 09.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการ สกสค. นายการุณ  สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงชื่อเข้าประชุมแทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์  และนายประเสริฐ  บุญเรือง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงชื่อเข้าประชุมแทน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ และแจ้งต่อที่ประชุมว่าได้รับมอบหมายจาก นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ตนมาประชุมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวง และกลับมอบหมายให้  นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้าประชุมแทนตนในฐานะปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นการดำเนินการขัดกับมาตรา 66 ประกอบมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ซึ่งกำหนดให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมกรณีประธานโดยตำแหน่งไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติ  หน้าที่ได้ อีกทั้งยังขัดกับคำสั่ง คสช.  ที่ 7/2558 ลงวันที่ 16 เมษายน 2558 ซึ่งกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมได้มีการทักท้วงว่าเป็นการดำเนินการไม่ชอบ แต่นายการุณ  สกุลประดิษฐ์ ไม่ยอมรับฟังและได้ดำเนินการประชุมต่อไปจนเสร็จสิ้น


4. การพิจารณาสรรหาครั้งนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากกระบวนการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ. เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.  ซึ่งกำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหาขึ้นมาชุดหนึ่ง ทำหน้าที่สรรหาและแม้นว่าที่ประชุมในครั้งนี้พยายามทักท้วงว่าให้นำผลการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาให้ที่ประชุมพิจารณาเพราะมีกระบวนการขั้นตอนที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม แต่นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมไม่ยอมรับฟัง กลับให้คณะกรรมการลงคะแนนลับโดยไม่มีเหตุผลใดๆ สนับสนุนการใช้ดุลยพินิจตัดสินใจของคณะกรรมการอันเป็นการขัดต่อการพิจารณาทางปกครองในกรณีที่สรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ

5. การลงมติโดยวิธีลับตามข้อ 4 นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนในฐานะรัฐมนตรี และให้นายประเสริฐ  บุญเรือง ลงคะแนนในฐานะปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  ที่นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ดำรงตำแหน่ง เมื่อนับคะแนนปรากฏว่าคณะกรรมการลงคะแนนให้นายอรรถพล ตรึกตรอง 4 คะแนน และลงคะแนนให้ นายณรงค์ แผ้วพลสง   4 คะแนนเท่ากัน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ จึงใช้สิทธิ์ออกเสียงเพิ่มอีก 1 เสียง ให้แก่นายณรงค์  แผ้วพลสง  โดยไม่มีเหตุผลประกอบ ทำให้เห็นว่าเฉพาะการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนถึง 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ในฐานะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ยินยอมให้นายประเสริฐ  บุญเรือง ใช้ตำแหน่งตนเอง และครั้งที่ 3 ใช้สิทธิ์ออกเสียงโดยอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากรองนายกรัฐมนตรีผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นประธานออกเสียงเพิ่มอีก 1 เสียง

6. การดำเนินการประชุมและออกคำสั่งครั้งนี้เป็นไปด้วยความลุกลี้ลุกลนและเร่งรัด    จนเห็นได้ชัดถึงความผิดปกติ กล่าวคือ เร่งรีบออกคำสั่งแต่งตั้งผู้ได้รับคัดเลือกโดยที่ยังไม่ได้จัดทำรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ประกาศผลการสรรหา การรายงานตัว การตรวจสอบคุณสมบัติก่อนการแต่งตั้งและสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งด้วยตนเองแทนที่จะให้สำนักทรัพยากรบุคคล สกสค. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ            

7. คำสั่งแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. ที่ 2/2562 ขัดกับข้อ 5 ของประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ที่กำหนดให้ผู้ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.  ซึ่งเป็นข้าราชการหรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องลาออกจากราชการก่อนออกคำสั่งแต่งตั้ง แต่ข้อเท็จจริง นายณรงค์  แผ้วพลสง ผู้ได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งดังกล่าว ยังคงดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ยังมิได้ลาออกแต่ประการใด

8. นายอรรถพล  ตรึกตรอง ได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สป 1345/2561 ลงวันที่   9 ตุลาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน แต่คำสั่งที่ 2/2562 ที่แต่งตั้งนายณรงค์  แผ้วพลสง ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. มิได้ยกเลิกคำสั่งให้ นายอรรถพล  ตรึกตรอง พ้นจากหน้าที่ก่อให้เกิดปัญหาและสร้างความสับสนในทางปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของกระทรวงศึกษาธิการเป็นไปตามกฎหมาย   และคำสั่ง คสช ที่ 7/2558 ลงวันที่ 16 เมษายน 2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 17/2560 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2560 จึงขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมครั้งที่ 5/2562 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 และคำสั่งคณะกรรมการ สกสค. ที่ 2/2562 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2562.-สำนักข่าวไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากทุกตำแหน่ง

15 พ.ค.- เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามถอดถอน “เจ้าคุณแย้ม” จากหน้าที่ทุกตำแหน่ง เหตุถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ลงนามในหนังสือ คำสั่งถอดถอนพระสังมาธิการ พระธรรมวชิรานุวัตร พักจากตำแหน่งหน้าที่ทุกตำแหน่ง ทั้งเจ้าคณะภาค 14 และ เจ้าอาวาสวัดไร่ชิงพระอารามหลวง หลังจากทราบเรื่องว่าถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวข้องกับคดีอาญา จึงได้อาศัยอำนาจตามความในข้อ 56 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2553) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังมาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคุณะสูงณ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเดิมโดยพระราชบัญญัติคณะสงน์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ให้เหตุผลว่า ถ้าจะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างการสอบสวนจะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมสึก คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

15 พ.ค.- เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยอมลาสิกขาด้วยตัวเอง หลังถูกเค้นสอบนานกว่า 8 ชม. เบื้องต้นยอมให้การแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อุ้มพระพุทธรูป ปางสมาธิองค์สีดำ ถือเข้าไปไปยังห้องสอบสวนที่สอบปากคำพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เจ้าคณะภาค 14 สังเกตพบว่ามีการนำพระพุทธรูปวางไว้บนโต๊ะบริเวณด้านหน้าของ พระธรรมวชิรานุวัตร โดยมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า พระธรรมวชิรานุวัตร ยอมทำพิธีลาสิกขาบทด้วยตัวเอง แต่ยังไม่เริ่มพิธีเนื่องจากรอชุดเสื้อผ้าเปลี่ยนหลังทำพิธีลาสิกขาบทแล้วเสร็จ ส่วนการสอบปากคำ เบื้องต้นทางพระธรรมวชิรานุวัตร ยอมให้การกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้การไปในทิศทางที่ดี ซึ่งปรากฏว่าทางพระธรรมวชิรานุวัตร ได้โอนเงินไปให้กับผู้ต้องหาที่ 2 เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท ในช่วงปี 2564 ซึ่งข้อมูลนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำหาข้อเท็จจริง ว่ามีการทำธุรกรรมด้วยสาเหตุใด แต่พบบางส่วนเข้าไปพัวพันกับเว็บการพนัน .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผนังโรงงานถล่มทับรถยนต์เสียหาย 7 คัน-เจ็บเล็กน้อย 1 คน

ชลบุรี 16 พ.ค. – ผนังอาคารโรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ถล่มทับรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้างเสียหายรวม 7 คัน และพนักงานบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน ผนังอาคารพังถล่มที่บริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยส่วนที่พังเป็นฝาผนังที่ต่อเติมยื่นออกมาของอาคารชั้น 2 ถล่มลงมาทับรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านข้าง เสียหายรวม 7 คัน เบื้องต้นมีพนักงานบริษัทเป็นหญิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน บริษัทนำส่งโรงพยาบาล สอบถามพนักงานบริษัทเล่าว่า ได้ยินเสียงตึ้มเลยพากันวิ่งออกมา ตอนแรกนึกว่าเสียงฟ้า โดยตรงนั้นเป็นอาคารฝ่ายบุคคล จะไม่มีคนไปนอน ด้านผู้กำกับการ สภ.พานทอง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย วิศวกรบริษัทเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว และบริษัททำประกันภัยไว้ คงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งต้องประเมินความเสียหายทั้งอาคารและรถยนต์ที่เสียหาย เพื่อชดใช้ตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน

เวียดนาม 16 พ.ค.-นายกฯ ร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ เน้นย้ำไทยให้ความสำคัญประวัติศาสตร์และมิตรภาพกับเวียดนาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ. 1940 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขบวนการต่อสู้ของเวียดนามภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยตั้งอยู่บนถนนบั๊กเซิน (Bạch Sơn Street) ในพื้นที่ใกล้กับจัตุรัสบาดิ่งห์ โดยออกแบบในสไตล์ศิลปะสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยกลุ่มรูปปั้นนักรบปฏิวัติ แสดงถึงความกล้าหาญและความสามัคคีของนักต่อสู้เพื่อเอกราชของเวียดนาม หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945 ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมทรงอนุสรณ์สถาน โดยใช้หินอ่อนและหินแกรนิตคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างศิลปะสังคมนิยม กับเอกลักษณ์เวียดนาม โดยโฮจิมินห์เป็นบุคคลสำคัญของเวียดนาม ผู้ได้รับการยกย่องในฐานะ “บิดาแห่งชาติ” ที่นำพาประเทศสู่การประกาศเอกราช และเป็นผู้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ การเข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ สถานที่สำคัญของเวียดนามครั้งนี้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนาม ตลอดจนการให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์และการเมืองของประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทยอย่างเวียดนาม จากนั้น เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าร่วมประชุมหารือทวิภาคีกลุ่มเล็ก กับนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ ทำเนียบรัฐบาล.-314.-สำนักข่าวไทย

“เปรมชัย” นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัว กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม

กทม. 16 พ.ค.-“เปรมชัย” ผู้บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย นั่งวีลแชร์ เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ กรณีตึกกำลังสร้าง สตง. ถล่ม ด้านวิศวกร ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง ทยอยเข้ามอบตัวเช่นกัน เวลา 08.00 น. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประมูลโครงการก่อสร้างหลัก อาคาร สตง.แห่งใหม่ ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 28 มีนาคม จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ฐาน “เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ซ่อมแซมหรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ หรือวิธีการอันพึงกระทำการนั้นๆ โดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 227 , 238 นายเปรมชัย นั่งวีลแชร์ มีพยาบาลส่วนตัวประกบ เดินทางมาที่ สน.บางซื่อ พร้อมทนายความและญาติ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้บริหารบริษัทกิจการร่วมค้า รวมถึงกลุ่มวิศวกร อีก 13 […]