กรุงเทพฯ 24 พ.ค.- สสว.จับมือส.อ.ท. และพันธมิตร ผลักดันศิลปวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของมวยไทย
ธุรกิจมวยไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์มวยไทยไปสู่ตลาดโลก เล็งบุกตลาดจีน
นางลักขณา ตั้งจิตนบ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.)เปิดเผยว่า สสว.ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยสถาบัน SMI จัดกิจกรรมพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คลัสเตอร์มวยไทยที่มีบทบาททั้งในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศไทย
(Cultural Goods) เนื่องจากปัจจุบันมีมูลค่าเกิดขึ้นทั้งในด้านกีฬาอาชีพ
กีฬาเพื่อสุขภาพ สินค้าและอุปกรณ์ รวมกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปีและยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในปัจจุบันที่คนหันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น กีฬามวยจึงเป็นอีกทางเลือกในการออกกำลังกายของคนรุ่นใหม่
ส่งผลต่อการเติบโตของโรงเรียนและยิมมวยเพื่อสุขภาพอย่างก้าวกระโดด
ปัจจุบันมีค่ายมวยในประเทศไทยอย่างน้อย 5,100 แห่ง และในต่างประเทศ 3,869
แห่ง ซึ่งยิมเหล่านี้สร้างความเชื่อมโยงไปยังอุตสาหกรรมและบริการที่อยู่ในซัพพลายเชนให้เติบโตไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์การชกมวย เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
อาหารเครื่องดื่มสำหรับคนเล่นกีฬา ยา
ตลอดจนถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ
ที่สำคัญเกิดความต้องการครูมวยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ครูมวย นักมวย
รวมถึงค่ายมวยหรือยิมมวยมีรายได้มากขึ้นเช่นกัน
นายปรีชา ส่งวัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
และประธานสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) กล่าวว่า ขณะนี้ยังเน้นการขยายตลาดไปยังต่างประเทศให้มากขึ้น
โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดจีน ที่มวยไทยกำลังเป็นที่นิยม
ก่อนจะนำคณะมวยไทยไปโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ช่วงเดือนสิงหาคมนี้
ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่หน่วยงานภาครัฐจับมือกันขับเคลื่อนธุรกิจมวยไทยในครั้งนี้
ซึ่งปัจจุบันมีชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาทำธุรกิจนี้มากขึ้น จึงต้องพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีความเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้
และนำแนวคิดด้าน Creative Design มาปรับภาพลักษณ์ของยิมมวยให้ตรงความต้องการและทันสมัยมากขึ้น
โดยเน้นการนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์
และนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ทางการกีฬามาร่วมพัฒนา เพื่อให้สินค้าตอบโจทย์และมี Value
มากขึ้น-สำนักข่าวไทย
