ทำเนียบฯ 22 พ.ค. – รัฐบาลหารือเอกชนดันเศรษฐกิจ “สมคิด” แนะการเมืองเร่งจับมือตั้งรัฐบาล สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เร่งสร้างบุคลากรรองรับอีอีซี ขณะที่ภาคเอกชนเสนอตั้งกองทุนนวัตกรรม 1 พันล้าน เพิ่มศักยภาพแข่งขัน ฟื้นนโยบายเมดอินไทยแลนด์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) นัดพิเศษ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้ภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปเหมือนกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะได้ร่วมมือกันพัฒนาหลายโครงการ จึงเสนอให้หลายหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมกันสร้างบุคลากรคุณภาพรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จากกนโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงมอบหมายให้ตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อดูแลการสร้างบุคลากร รวมทั้งหามาตรการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติม
นายสมคิด กล่าวว่า การเติมโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการล่วงหน้าไปไกลมากแล้ว หากทุกโครงการเดินหน้าจะหาบุคลากรรองรับไม่ทันและอาจเกิดปัญหาได้ ยืนยันว่ารัฐบาลชุดไหนมาบริหารต้องร่วมมือกับภาคเอกชนทุกรัฐบาล เพราะเมื่อการเมืองนิ่งเศรษฐกิจจะดีขึ้นตามไปด้วย หลังจากช่วงนี้ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าจีน-สหรัฐ จนกระทบต่อการส่งออกของไทย และยังมาเจอการเลือกตั้งในประเทศ ยอมรับว่า 5 เดือนแรกของปีนักลงทุนอาจยังชะลอการลงทุน จึงอยากให้ภาคการเมืองหันมาปรองดองร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อร่วมกันดูแลบ้านเมือง หากพรรคการเมืองจับมือกันตั้งรัฐบาลได้ ประชาชนจะได้ไม่เบื่อการเมือง เพราะในช่วง 4-5 ปี ได้วางแผนพัฒนาด้านต่าง ๆ ไปไกลมากแล้ว
“ใครจะมาเป็นทีมเศรษฐกิจ เป็นรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองไหนบ้าง ต้องรอให้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามขั้นตอน ยอมรับว่าบางคนได้รับความน่าเชื่อถือจากต่างชาติ แต่การดำเนินนโยบาย และความต่อเนื่องมีความสำคัญมาก ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายสานต่อ ได้บอกกับนักลงทุนต่างชาติไปแล้วว่า การเมืองไทยเป็นแบบนี้และอีกไม่นานน่าจะตั้งรัฐบาลได้ ทุกโครงการลงทุนกว่า 700,000 ล้านบาทที่รออยู่จะเริ่มเดินหน้าต่อไปได้” นายสมคิด กล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เสนอที่ประชุมจัดตั้งกองทุนนวัตกรรม วงเงิน 1,000 ล้านบาท ด้วยการให้ภาคเอกชนลงขันตั้งกองทุนขึ้นมาดึงกระทรวงคลังเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง เพื่อใช้เงินผ่านกองทุนได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้เอกชนรายย่อยทำวิจัยและนวัตกรรมมากขึ้น เนื่องจากกองทุนที่รัฐบาลตั้งมีเงื่อนไขกฎระเบียบซับซ้อนใช้ยาก จึงไม่เกิดผลหลายกองทุน และยังเสนอฟื้นนโยบายเมดอินไทยแลนด์ส่งเสริมให้คนไทยซื้อสินค้าไทยทดแทนเพิ่งพาการส่งออกที่ประสบปัญหาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวผ่านมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ
ขณะที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเสนอปลดล็อคเงื่อนไขการจัดทำหลักสูตรการศึกษาเสรีในการพัฒนาบุคลากรรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาช่วยพัฒนา การลดหย่อนภาษีสร้างแรงจูงใจ การปรับปรุงโรงแรมเก่านำมาส่งเสริมการท่องเที่ยว การขยายจุดขอคืนภาษีของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Vat Refund) เพื่อขยายจุดออกไปทั่วประเทศในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ .-สำนักข่าวไทย