กรุงเทพฯ 20 พ.ค. – กบง.ถกซื้อก๊าซแอลเอ็นจี กฟผ. เจอปัญหาอาจจะมีค่าเทคออร์เพย์ก๊าซ ปตท.กระทบค่าไฟฟ้าเฉพาะปี 63 สั่งเจรจาผู้เสนอขายใหม่ “ปิโตรนาสแอลเอ็นจี” พร้อม สนพ.เปิดประชาพิจารณ์ร่างแผนก๊าซฯ 25 ปี นำเข้าเหลือ 23 ล้านตันต่อปี
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ยังไม่เห็นชอบผลประมูลการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี ) ปริมาณไม่เกิน 1.5 ล้านตัน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เนื่องจากเมื่อวิเคราะห์ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้ากับการจัดหาแต่ละช่วง พบว่าปี 2563 หากนำเข้ามาเท่ากับปริมาณที่ กฟผ.จะนำเข้ารวมกับในส่วนที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำหน่าย ก็อาจจะมีปัญหาก๊าซธรรมชาติเหลือใช้ และจะเกิดปัญหาต้นทุนค่าก๊าซฯ ที่จ่ายเพิ่มจากกรณีสัญญาไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (TAKE OR PAY) จะกระทบค่าไฟฟ้า จึงมอบให้ กฟผ.ไปเจรจากับผู้ชนะประมูลว่า จะปรับเปลี่ยนปริมาณนำเข้าอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดภาระดังกล่าว โดยให้นำเรื่องกลับมาเสนอต่อที่ประชุม กบง.พิจารณาอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์นี้
นายศิริ กล่าวว่า การประมูลดังกล่าวคัดเลือกจากผู้เสนอ 12 ราย และหลักเกณฑ์เป็นไปตามข้อกำหนดคือ ราคาจะต้องมีส่วนลดสูงสุดเมื่อเทียบกับราคานำเข้าของสัญญาระยะยาวทุกสัญญาที่ประเทศไทย โดย ปตท.ได้ลงนามในสัญญาซื้อ-ขายไว้ในปัจจุบันรวมปริมาณ 5.2 ล้านตันต่อปี โดย กฟผ.นับเป็นผู้นำเข้ารายแรกตามข้อกำหนดของรัฐบาลที่เปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้คลังและท่อก๊าซของ ปตท. (Third Party Access: TPA)
“จากการประมูลทั้งแอลเอ็นจีของ กฟผ.และแหล่ง บงกช-เอราวัณ จึงมั่นใจได้ว่าค่าไฟฟ้าตลอดแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2561-2580 (PDP 2018) จะได้ตามกำหนด 3.58 บาทต่อหน่วย ซึ่งกรณีเอราวัณ-บงกช จะส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงได้ 15 สตางค์ต่อหน่วยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โครงการโซลาร์ภาคประชาชนราคาเพียง 1.68 บาทต่อหน่วย การซื้อไฟฟ้าจากลาวก็กำหนดเงื่อนไขค่าไฟฟ้าต้องต่ำลงจากปัจจุบัน” รมว.พลังงาน กล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กบง.มีมติอนุมัติให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดรับฟังความคิดเห็นร่างแผนบริหารจัดหาก๊าซธรรมชาติปี 2561-2580 (Gas Plan 2018) ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยก๊าซเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าท่ามกลางก๊าซฯ ในอ่าวไทยลดลง โดยปี 2562 ปริมาณก๊าซในอ่าวไทยที่ใช้ผลิตไฟฟ้าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 60-62% และจะลดลงเหลือ 28% ในปี 2580 โดยความต้องการใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2580 จึงจำเป็นต้องนำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้น โดยไทยจะนำเข้า 23 ล้านตันต่อปีในปี 2580 ลดลงจากแผนก๊าซฯ เดิม (Gas Plan 2015) กำหนดนำเข้าแอลเอ็นจีอยู่ที่ 34 ล้านตันต่อปีในปี 2579
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะทำงานฯ ของ กฟผ.ได้คัดเลือกให้บริษัท ปิโตรนาส แอลเอ็นจี ประเทศมาเลเซีย เป็นผู้ชนะการเปิดประมูลจัดหาและนำเข้าแอลเอ็นจีให้กับ กฟผ.ปริมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี เป็นเวลา 8 ปีอย่างไรก็ตาม จากที่ กบง.กำหนดให้ไปเจรจา ก็คาดว่าจะต่อรองลดปริมาณรับซื้อเฉพาะปี 2563 เหลือประมาณ 1 ล้านตันต่อปี . -สำนักข่าวไทย