อาคารสุขประพฤติ 17 พ.ค.- น้องชาย “วิษณุ เครืองาม” ไม่กดดัน ส.ว.ถูกวิจารณ์สภาพี่น้อง พูดเต็มปากนามสกุลนี้ขยัน เชื่อ ส.ว.มีญาณวิถีหยั่งรู้เลือกนายกฯ เปรียบประเทศกำลังพักฟื้น ต้องใช้หมอคนเดิมรักษา
พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย เครืองาม น้องชายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาแสดงตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) วันนี้ (17 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันสุดท้าย พร้อมยืนยัน ไม่หนักใจการเข้ามาเป็น ส.ว. เพราะมีประสบการณ์เคยเป็นทั้ง ส.ว.และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาก่อน จึงรู้อำนาจและหน้าที่เป็นอย่างดี
“ขออย่ามองสภาพี่น้องแค่นามสกุล แต่ขอให้ดูที่การทำงาน สามารถสอบถามจากวุฒิสภา ปี 2554-2557 ได้ว่า ชื่อนี้ นามสกุลนี้ มีบทบาทการทำงานในสภาเป็นอย่างไร และเมื่อเป็น สปท.ก็สอบถามได้ว่า มีบทบาทการทำงานในหน้าที่อย่างไร เชื่อว่า ผมเป็น 1 ใน 5 คนที่กล้าพูดและชมตัวเองได้ว่า ขยันทำงานอย่างเต็มที่ อภิปรายเสนอแนะกฎหมายต่อสภาอย่างทุกเรื่อง จึงกล้าพูดได้ว่า ผมมีความตั้งใจในการทำงาน ย้ำ ไม่กังวลหรือกดดันในการทำงานแต่อย่างใด” พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าว
ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์สภาพี่น้อง พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ประชาชนเข้าใจว่า เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านในหลายเรื่อง ทั้งการปฏิรูปประเทศ การทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติและการบริหารประเทศ และรัฐธรรมนูญเปลี่ยนผ่าน ก็ได้มีบทเฉพาะกาล ตนทำงานในช่วงนี้แค่ 5 ปี ถือว่าไม่นาน ขอให้ดูที่การทำงานมากกว่า
“สิ่งที่จะกดดันคือ ความตั้งใจมุ่งมั่นทำงานมากกว่า ส่วนหน้าที่ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ก็มีแค่ในบทเฉพาะกาลที่ได้ผ่านประชามติมาแล้ว” พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าว
ส่วนที่มีการมองเรื่องการแต่งตั้งคนใกล้ชิดเข้ามาทำงานนั้น พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้เรื่องความใกล้ชิด สังคมไทยก็รู้จักกัน ไม่เป็นเพื่อน ก็เป็นคนที่ร่วมงานกันมา เท่าที่ทราบก็เป็นการสุ่มจาก สนช. สปท. สปช. และ ส.ว.ในอดีตที่คละกันไป เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์ก็น้อมรับและเข้าใจในเสียงต่าง แต่ก็ขอให้ดูที่การทำงาน
ต่อข้อถามว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะพิจารณาจากคนที่เลือกให้เข้ามาเป็น ส.ว. หรือไม่ พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ขอให้เชื่อใจในดุลยพินิจและวิจารณญาณ ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. มีญาณวิถีหยั่งรู้ ว่าจะต้องทำงานอย่างไร เลือกใครอย่างไร เพราะในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี สภาฯ จะไม่อนุญาตให้มีการอภิปราย หรือแสดงวิสัยทัศน์ ดังนั้น ผู้เลือกจะต้องมีข้อมูลของตัวเองมาอยู่แล้ว จึงจะไม่มีคืนหมาหอน
พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย ยืนยันว่า ไม่คำนึงว่าใครตั้งเรามา หรือใครเลือกเรามา แต่ให้ดูจากผลงานในอดีต และรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีอยู่ทั้งหมด และเมื่อนำรายชื่อมาไล่เรียงดูแล้ว ญาณวิถีหยั่งรู้ก็จะทำให้เรารู้ว่าต่องเลือกใคร ไม่ได้อยู่ในอาณัติ หรือมีใครมาสั่ง และเชื่อว่า สั่งไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจว่า จะเลือกใคร ส่วนตัวจะเลือกคนที่จะบริหารประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่น
“เวลาเราจะตัดสินใจอะไร ต้องคำนึงถึงการรักษาอาการของประเทศ เหมือนที่หมอรักษาอาการของคนไข้ ผมเป็นแพทย์ เวลาพิจารณาจะรักษาโรคใดด้วยวิธีใด จะรักษาด้วยยาหรือผ่าตัด เปรียบเทียบได้กับประเทศไทย ผ่านการผ่าตัดมาแล้ว 5 ปี ขณะนี้ระหว่างพักฟื้น ต้องดูแลความมั่นคงอย่างใกล้ชิด ด้วยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ชำนาญ สามารถประสานความร่วมมือของฝ่ายต่างๆ” พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าว
ส่วนแพทย์คนดังกล่าวจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่นั้น พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย ไม่ตอบคำถาม แต่ยอมรับว่า แพทย์คนที่ผ่าตัดคนไข้ ก็ยังต้องมาดูแลคนไข้ที่ห้องพักฟื้นต่อไป ไม่ใช่ผ่าตัดเสร็จ แล้วล้างมือกลับบ้าน เพราะญาติจะถามหาว่า แพทย์หายไปไหน ไม่มาดูคนไข้ บางทีออกจากห้องพักฟื้นแล้ว กลับไปห้องไอซียูก็มี
เมื่อถามว่า หากคนไข้ร้องอยากกลับบ้าน แล้วยังต้องอยู่ตามกำหนดการของแพทย์หรือไม่ พล.อ.ต.นพ.เฉลิมชัย กล่าวยืนยันสั้นๆ ว่า แน่นอน ..- สำนักข่าวไทย
