เชื่อโหวตรอบหน้าได้นายกฯ

รัฐสภา 8 ส.ค.-“วันชัย” เชื่อเลือกนายกฯ รอบหน้าได้ เพราะไม่มีนโยบายแก้ไข 112 ส.ว.ส่วนใหญ่อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็ว พร้อมหนุนคนที่รวมเสียงได้มากสุด ส่วนก้าวไกลจะมาร่วมทีหลังหรือไม่ไม่กังวล เรื่องอนาคต


นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาล ว่านับแต่ไม่มีมาตรา 112 ส.ว.ได้พูดคุยกันหลายกลุ่มหลายฝ่ายและเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าถ้าไม่มีเรื่องดังกล่าวนี้แล้วจะโหวตให้กับใครก็ตามที่ได้รวมเสียงส่วนใหญ่ได้  และขณะนี้ถ้าเป็นพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยกับพรรคอื่น ๆ รวมกันได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง เชื่อว่าส.ว.จะโหวตให้ เพราะประเด็นแก้มาตรา 112 หรือพรรคก้าวไกลหมดไปแล้ว ส.ว.ต้องการให้มีรัฐบาลโดยเร็ว    อยากจะรีบโหวต หลังคาราคาซังและมีผลกระทบถึงส.ว. ทำให้ชาวบ้านและประชาชนทั่วไปมองว่าส.ว.มีส่วนทำให้การตั้งรัฐบาลล่าช้า หรือส.ว.เป็นอุปสรรคการจัดตั้งและการบริหารประเทศ ดังนั้น ส.ว.หลายคน โดยเฉพาะที่อยู่ต่างจังหวัดได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน  อยากให้โหวต อยากให้มีรัฐบาลโดยเร็วและแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน  

“ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิดหรือพุ่งเป้ามาที่ส.ว. พร้อมขอฝากไปยังพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำด้วยว่าในช่วงหาเสียงจะโจมตีกล่าวหาใคร เป็นเพียงเรื่องของการหาเสียง  แต่ขณะนี้เป็นเรื่องของการตั้งรัฐบาลเป็นวาระการแก้ปัญหาของประชาชน เมื่อไม่สามารถมีเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดพรรคเดียวก็จำเป็นต้องประนอมอำนาจ หลายพรรคตกลงกันให้ได้ ทำอย่างไรให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว อย่าไปตั้งแง่ตั้งงอน ทำให้ประเทศสะดุดหยุด อยากให้เอาวาระของประชาชน การแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนโดยเร็ว ยิ่งมีรัฐบาลเร็วเท่าไหร่ จะทำให้ประเทศเกิดความเชื่อมั่นมากเท่านั้น” นายวันชัย กล่าว


นายวันชัย กล่าวว่าส.ว.ไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมสนับสนุนคนที่ได้เสียงข้างมาก พร้อมโหวตเพื่อให้มีรัฐบาลเร็ว ๆ  อย่ามัวแบ่งซีก แบ่งฝัก แบ่งฝ่ายว่ากลุ่มนั้นเป็นเผด็จการ   กลุ่มนั้นเป็นก๊วนพวกสืบทอดอำนาจ เพราะมันจบแล้วตั้งแต่มีผลการเลือกตั้งออกมา ทุกคนมาจากประชาชน ต้องลด ละ เลิกเรื่องการกล่าวหากัน รีบตกลงกันให้ได้และรีบเดินหน้า

ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเคยพูดเรื่องมาตรา 112 และมีประเด็นเรื่องเลี่ยงภาษีที่ดิน  นายวันชัย กล่าวว่า โดยหลักการใครรวมเสียงข้างมากได้    จะให้พรรคนั้นและคนคนนั้น ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร อย่างไร เป็นเรื่องของหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราศรัยหาเสียงอาจจะพูดจาอะไรที่เลยเถิดไป  แต่ปรากฏว่าจากการแถลงล่าสุดพูดชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายแก้มาตรา 112   จึงทำให้ประเด็นเหล่านี้ตกไป

ส่วนจะมีส.ว.บางคนตั้งแง่ตั้งประเด็น นายวันชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่เท่าที่ตนรับฟัง เห็นตรงกันว่าใครรวมกันได้ก็พร้อมที่จะสนับสนุน ไม่ได้มองเรื่องตัวบุคคลเป็นสำคัญ เพราะเชื่อเหลือเกินว่าคนที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะต้องผ่านการกลั่นกรองของพรรคการเมืองและองค์กรต่าง ๆ ตรวจสอบมาแล้ว และถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็อาจจะอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นอีกเรื่องในอนาคต


ส่วนหากไม่มีพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย นายวันชัย   กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยแลกเปลี่ยนกับส.ว.หลายกลุ่ม ประเด็นนี้ตัดออกไปแล้ว ส.ว.ไม่เข้าข้างพรรคใด ขณะนี้ส.ว.เข้าข้างประชาชน เพียงแค่ตัดประเด็น 112 ที่มองว่ากระทบต่อความมั่นคงและสถาบันออกไปแล้ว ใครรวมเสียส่วนใหญ่ได้จะเป็นหลักการสำคัญของส.ว.ที่พร้อมสนับสนุนให้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ

ส่วนกระแสตีดีตกชื่อนายเศรษฐาเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลอยู่ที่พรรคอันดับ 3 และ 4  นายวันชัย กล่าวว่า เป็นเพียงข้อวิเคราะห์ทางการเมืองของนักวิชาการ แต่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เอาตัวบุคคลมาเป็นตัวตั้ง แต่เอาหลักการเป็นสำคัญ ไม่เช่นนั้นกระสุนจะมาตกที่ส.ว.หรือ ส.ว.มาปรารภอยากให้โหวตนายกรัฐมนตรีเร็วที่สุด เพราะผลจากการโหวตครั้งที่แล้วรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ถ้ารีบโหวตได้ มีรัฐบาลโดยเร็ว ส.ว.จะไม่ตกเป็นเป้า และไม่เป็นเมืองกระสุนตกที่ทำให้ประชาชนเอาประเด็นเหล่านี้มาเป็นข้อกล่าวหา อยากให้ข้อครหาข้อกล่าวหาหมดไป และอยากให้มีรัฐบาลเพื่อเดินหน้าประเทศไทยต่อไป เชื่อว่าการเลือกครั้งหน้าจะได้นายกรัฐมนตรี เว้นแต่จะมีปัญหาอุปสรรคอันเกิดจากพรรคการเมืองที่จะตั้งรัฐบาลหรือข้อกฎหมายหรือถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง

ส่วนพรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย นายวันชัย กล่าวว่าเป็นเอกสิทธิ์และเป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตยที่เป็นสิทธิ์จะโหวตหรือไม่โหวตให้ ไม่เป็นประเด็นที่จะตั้งแง่ตั้งงอน เพราะในอนาคตไม่มีทางรู้ได้ว่าใครจะรวมกับใครในภายหลัง แต่เชื่อว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยจะตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ดี แล้วรู้ว่าควรต้องทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้ และที่ตนพูดมาโดยตลอดว่าพรรคเพื่อไทยมีศักยภาพ มีประสบการณ์ประสานส.ว.ได้ เชื่อว่าคงจะดำเนินการได้บรรลุผลในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนถ้าพรรคก้าวไกลจะไปร่วมรัฐบาลภายหลังปรับครม.หรือไม่เป็นเรื่องในอนาคตที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ จึงไม่กังวล.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย