เชียงใหม่ 16 พ.ค. – หนุ่มพนักงานรักษาความปลอดภัย วัย 18 ปี ที่เพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม กำลังจะเป็น ว่าที่นิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่เพราะความยากจน ทำให้ต้องหางานทำ เพื่อหาเงินเดินทางไปเรียนต่อ จึงมีกระแสชื่นชม
นายวีรพงศ์ แซ่หาญ หรือน้องวี อายุ 18 ปี เพิ่งจะเรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม จังหวัดน่าน อยู่ในชุดเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง และทำหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับรถยนต์ที่ผ่านเข้าออกวัดเจดีย์หลวงราชวรวิหารในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่ 07.00-19.00 น.
น้องวี บอกว่า มาสมัครงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยได้ 2 เดือนแล้ว เพื่อหารายได้พิเศษและแบ่งเบาภาระของแม่ ที่ทำงานรับจ้างเลี้ยงดูตนเองเพียงลำพังมาตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านมีฐานะยากจน เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง
เรื่องการเรียนของน้องวีไม่ธรรมดา ได้เกรดเฉลี่ย 3.92 ได้ยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย 2แห่ง คือคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทั้ง 2 แห่งตอบรับทั้งคู่ แต่ตนเลือกเรียนคณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ เพราะอยากเป็นหมอ นอกจากนี้ยังได้ทุนของมูลนิธิจุฬาภรณ์ ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าอาหารตลอดจนจบการศึกษา
แต่ระหว่างที่รอไปรายงานตัว จำเป็นจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงมาสมัครงานเป็น รปภ.ได้เงินเดือนเดือนละ 12,000 บาท ทุกวันนี้ก็กินอยู่ ใช้จ่ายอย่างประหยัด เช่าหอพักอยู่กับเพื่อน ซึ่งอีกคนก็สอบติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมาทำงานหารายได้เสริมที่เชียงใหม่เหมือนกัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเป็น รปภ. พรุ่งนี้จะไปลาออก และเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปรายงานตัวเป็นนิสิตจุฬาฯ
น้องวีบอกด้วยว่า ระหว่างที่เป็นนิสิตจุฬาฯ ถ้ามีโอกาสและมีเวลาก็จะทำงานหารายได้เสริมไปด้วย ถึงแม้ว่าจะได้ทุนมาเป็นค่าใช้จ่าย และที่สำคัญจะไม่ทิ้งการเรียนอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งฝากน้องๆ ที่กำลังขึ้นชั้น ม.6 และเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ให้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ แบ่งเวลาอ่านหนังสือ หรือหารายได้พิเศษเพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิตและช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง
นายจรัล คำจันทร์ เจ้าหน้าที่บริษัทรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของน้องวี ระหว่างทำงาน บอกว่าน้องวีเป็นเด็กที่ขยัน ความประพฤติดี ตั้งใจทำงาน มีความมุมานะ บริษัทภาคภูมิใจที่เห็นความสำเร็จอีกก้าวของน้องวี ตอนนี้ทราบแล้วว่าน้องวีจะลาออก ซึ่งบริษัทไม่ได้ขัดข้อง เพราะอยากให้เด็กเจริญก้าวหน้า ตนได้มองหาคนมาทำหน้าที่แทนแล้ว เป็นเด็กนักเรียนชายอายุ 18 ปี ซึ่งมาทำงานหารายได้เสริมเช่นกัน และบริษัทอยากจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ เหล่านี้ได้ทำงานหารายได้ และถือเป็นการฝึกการทำงานอย่างหนึ่ง .- สำนักข่าวไทย