สุราษฎร์ธานี 15 พ.ค.- ปมดังปี 61 “ขนมจีนคลุกน้ำปลา” โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ล่าสุด สนง.ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ฯ ชงเรื่อง สนง.คณะกรรมการข้าราชการครูฯ ดำเนินการต่อแล้ว หลังมีมติ 3 พ.ค.62 ไล่ออกอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ตามผลสอบวินัยร้ายแรงผิด 6 ข้อหา
จากประเด็นร้อนทางโซเชียลเมื่อปี 2561 แชร์คลิปอาหารกลางวัน “ขนมจีนกับน้ำปลา” ของนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี จนนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบสวน เพราะอาจมีการทุจริตงบโครงการอาหารวัน รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ของโรงเรียน ต่อมาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 (สพป.สฎ.เขต 2) มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวเข้ามาช่วยราชการ สพป.สฎ.เขต 2 จากนั้นมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่ 16 มิถุนายน 2561 นั้น
ล่าสุด (15 พ.ค.) นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2562 ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (คศจ.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีมติไล่ออกอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนรายนั้นแล้ว ตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ในความผิด 6 ข้อหา โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2561 หรือนับแต่วันที่มีคำสั่งออกจากราชการก่อน ขณะนี้ คศจ.อยู่ระหว่างส่งผลวินิจฉัยและมติ การสอบสวนวินัยร้ายแรงไปสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนมีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับคำสั่ง
ทั้งนี้ มูลความผิดของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ที่ถูกสอบสวนวินัยรวม 10 ประเด็น เป็นประเด็นวินัยร้ายแรง 5 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การทุจริตอาหารกลางวัน 2.การจัดซื้อจัดจ้างระบบไฟฟ้า 3. การขายผลผลิตปาล์มน้ำมันของโรงเรียน 4. อนุญาตให้ขายน้ำอัดลมในโรงเรียน และ 5.โครงการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในบริเวณโรงเรียน และวินัยไม่ร้ายแรง 1 เรื่อง เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคารที่ดำเนินการเปลี่ยนวัสดุบางรายการโดยไม่ชี้แจงข้อได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งผิดระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนอีก 4 เรื่อง เช่น การเลี้ยงปลาดุก,การเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ การปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักครู และ ซ่อมแซมระบบไฟ้าไม่เข้าข่ายความผิดวินัย
ขณะที่ตัวแทนเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนบ้านท่าใหม่ รายหนึ่ง กล่าวว่า พอใจในมติของคณะกรรมการสอบสวนฯ ของ จ.สุราษฎร์ธานี แม้จะต้องใช้เวลาเกือบ 1 ปี ก็ตาม เพราะนั่นหมายถึงจะเป็นบรรทัดฐานในการทำงานของเจ้าหน้าที่รายอื่น ๆ ต่อไป จากนี้จะต้องรอดูผลการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิด ซึ่งทราบว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี.-สำนักข่าวไทย