นครพนม 7 พ.ค.-สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งด่วนให้ผู้กองสืบสวนนครพนมออกจากราชการไว้ก่อน คดีค้ายาเสพติด เจ้าตัวอ้างถูกหญิงสาวประเทศเพื่อนบ้านหลอกให้ส่งยา
ความคืบหน้าคดีร้อยตำรวจเอกชัยณรงค์ อ่อนภูธร หรือผู้กองอ้วน ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดนครพนม ถูกจับกุมในบ้านพัก พร้อมของกลางยาบ้า 3 มัด จำนวน 5,600 เม็ด กัญชาแห้งอัดแท่ง 9.5 กิโลกรัม เมื่อวานนี้ ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งด่วนให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ขณะที่ผู้กองอ้วน ซึ่งถูกคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา โดยเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนตำรวจฟังว่ารู้จักกับหญิงสาววัยรุ่นจากประเทศเพื่อนบ้านเมื่อ 2 เดือนก่อน จนสนิทสนมกัน เมื่อวานนี้นัดเจอกัน หญิงสาวยื่นถุงพลาสติกทึบฝากไปส่งให้เพื่อน ตนก็ไม่ได้เปิดดู กระทั่งมีคนโทรมาขอรับของ จึงบอกให้มาเอาที่บ้าน กระทั่งโดนจับกุมดังกล่าว
ขณะที่ชุดจับกุมยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากปกติยาบ้ามีกลิ่นฉุน ผู้ต้องหาซึ่งอยู่ฝ่ายสืบสวนต้องคลุกคลีกับยาเสพติดเหล่านี้ประจำ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่รู้จักกลิ่นยาบ้า
นอกจากนี้ยังตรวจสอบอาวุธปืนเซกาเซ่ เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 มม. จำนวน 41 นัด ที่พบซุกซ่อนบริเวณเล้าไก่ข้างบ้านผู้กองอ้วน เจ้าหน้าที่แผนกสรรพาวุธมณฑลทหารบกที่ 210 ระบุปืนเซกาเซ่มีแหล่งผลิตอยู่ในโซเวียต ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าขุดเจอในพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ในสมัยมีการสู้รบ และนำมาเก็บสะสมไว้ ส่วนกระสุนปืนกลแบบสายพานผลิตในอเมริกา อานุภาพรุนแรง ต้องตรวจสอบนำออกจากคลังอาวุธได้อย่างไร เนื่องจากผู้กองอ้วนเคยเป็นทหารเกณฑ์ ขณะที่เพื่อนตำรวจบอกว่าผู้กองอ้วนจะเป็นคนอารมณ์ดี หลายคนรู้สึกช็อกเมื่อทราบข่าว เนื่องจากเหลืออายุราชการอีกแค่ 5 เดือน
ส่วนอีกคดีที่อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง คนร้ายขนยาบ้าจุดไฟเผารถทำลายหลักฐานหลังถูกตำรวจไล่ล่า เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร เร่งฉีดสกัดไฟที่โหมลุกไหม้รถเก๋งอีซูซุ มิวเซเว่น บนถนนพหลโยธิน สายลำปาง-ตาก หลักกิโลเมตรที่ 641 ใช้เวลา 30 นาที เพลิงจึงสงบ ตรวจสอบภายในรถพบยาบ้าและยาไอซ์จำนวนมากซุกซ่อนอยู่ มีบางส่วนถูกไฟไหม้ คาดว่าทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเม็ด ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ โดยรถดังกล่าวเป็นรถต้องสงสัยที่ขับหลบหนีตำรวจ สภ.แม่พริก จึงประสานตำรวจด่านตรวจ สภ.สบปราบ สกัดกั้น แต่ระหว่างที่ไล่ติดตาม เจ้าหน้าที่ยิงยางรถไปต่อไม่ได้ คนร้ายจึงจอดรถกลางถนน ก่อนจุดไฟเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาหญิงได้ 1 คน ส่วนอีกคนเป็นชาย วิ่งหลบหนีเข้าป่า ซึ่งจะเร่งติดตามตัวจับกุมต่อไป.-สำนักข่าวไทย