กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – หอการค้าไทยเผยหลายปัจจัยลบกดดันดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย ระบุหากจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพทุกอย่างจะดีขึ้นครึ่งปีหลัง
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรดไตรมาส 1 ปี 2562 ว่า อยู่ที่ระดับ 51.5 ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4 ปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 52.1 ถือว่าเกินระดับ 50 ซึ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค มองว่าธุรกิจโมเดิร์นเทรดประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังเติบโตไม่ทั่วถึง ทำให้กำลังซื้อยังไม่กลับมาเป็นปกติ ประกอบกับต้นทุนสินค้าอยู่ในระดับสูง และยังได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ตัวเลขดัชนีจึงลดต่ำลงจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งในระบบการค้าของไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5-6 โดยมีมูลค่ามากกว่า 2.7 ล้านล้านบาท เป็นกลุ่มโมเดิร์นเทรดมีอัตราเติบโตต่อปีร้อยละ 7 หรือมีมูลค่ากว่า 1.8 ล้านล้านบาท ถือเป็นกลุ่มการค้าที่มีระดับการเติบโตได้ดี ดังนั้น หากเทียบไตรมาสแรกปีนี้กับปีที่แล้วจะพบว่าการค้าขายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เชื่อว่า หากครึ่งปีหลังจัดตั้งรัฐบาลชัดเจนและมีเสถียรภาพเชื่อว่าการค้าขายจะฟื้นตัวดีขึ้น ประชาชนหันกลับมาจับจ่ายใช้สอย โดยภายใต้สมมติฐานว่าไม่มีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกกรณีสงครามการค้าสหรัฐกับจีน โดยสหรัฐไม่ขึ้นภาษีสินค้าจีน รวมถึงราคาน้ำมันไม่ผันผวนมากจนเกินไป. – สำนักข่าวไทย