กรุงเทพฯ 23ส.ค. – ธนาคารออมสินสั่งปิดตู้เอทีเอ็มบางส่วน หลังถูกโจรกรรม เผยอยู่ระหว่างวิเคราะห์สาเหตุทางเทคนิคร่วมกับผู้ผลิต ยืนยันไม่กระทบบัญชีลูกค้า ด้าน ผอ.ออมสินย้ำจะดำเนินการร่วมกับตำรวจอย่างเร่งด่วนที่สุด
หลังจากเกิดกรณีที่ธนาคารออมสินถูกโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็มจำนวน 21 เครื่อง รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ธนาคารออมสินได้สั่งปิดบริการตู้เอทีเอ็มบางส่วนแล้วกว่า 3,000 เครื่อง เพื่อตรวจสอบระบบจากผู้ผลิต ซึ่งระหว่างนี้ให้ใช้ตู้เอทีเอ็มได้ทุกธนาคาร โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม พร้อมยืนยันไม่กระทบกับบัญชีหรือเงินฝากของลูกค้า
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ถือเป็นกรณีตัวอย่างครั้งแรกของโลกที่มีการโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากที่ผ่านมาจะเป็นการสกรีมมิ่งโจรกรรมเงินจากบัญชีของลูกค้า ซึ่งจากการตรวจสอบของบริษัท NCR สก็อตแลนด์ ผู้ผลิตเครื่องเอทีเอ็ม 1 ใน 3 ยี่ห้อ ที่ธนาคารออมสินใช้ กว่า 3,000 เครื่อง จากเครื่องบริการเอทีเอ็มทั้งหมดของธนาคารกว่า 7,000 เครื่อง แต่ถูกโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็ม ตั้งแต่วันที่ 1-8 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งหมด 21 เครื่อง รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท พบว่าเป็นลักษณะการโจรกรรมเงินในกล่องเงินเครื่องเอทีเอ็ม โดยการติดตั้งอุปกรณ์สั่งการที่ตู้และสามารถเสียบบัตรให้เงินออกมาได้ทันที
นายชาติชาย กล่าวว่า ต้องรอผลการตรวจสอบที่ชัดเจนและให้บริษัทผู้ผลิตเร่งพัฒนาโปรแกรมมาจัดการ เพื่อเซ็ทระบบใหม่ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด หลังจากได้สั่งปิดบริการเอทีเอ็มบางส่วนเป็นการชั่วคราว เฉพาะรุ่นที่เกิดปัญหาของบริษัท NCR ทั้งหมด เพื่อควบคุมความเสียหายและจะเร่งดำเนินการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจับตัวผู้กระทำความผิดอย่างเร่งด่วน ขณะที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องหารือกับผู้ผลิตเครื่องและบริษัทประกันอีกครั้ง เพื่อหารือแนวทางการรับผิดชอบความเสียหายดังกล่าวและความจำเป็นในการเพิ่มความคุ้มครองจากความเสียหายในลักษณะดังกล่าวถือเป็นกรณีใหม่ของโลก
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายกดเงินสดจากเอทีเอ็มธนาคารออมสินในพื้นที่ภาคใต้และกรุงเทพมหานคร รวม 21 ตู้ ในจังหวัดภูเก็ต 6 ตู้, สุราษฎร์ธานี 4 ตู้, ชุมพร 2 ตู้, ประจวบคีรีขันธ์ 2 ตู้, เพชรบุรี 2 ตู้ และกรุงเทพมหานคร 5 ตู้ ที่ปั๊มเชลล์วิภาวดี 44, ไปรษณีย์บางนา, เซเว่น-อีเลฟเว่น สุขุมวิท 49, แมกแวลู, จัสมินซิตี้ ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์อื่นใช้ตู้เอทีเอ็มยี่ห้อ NCR รวม 10,000 ตู้ โดยธนาคารออมสินใช้มากที่สุด 4,000 ตู้ ซึ่งเอทีเอ็มรุ่นนี้ธนาคารใช้มาตั้งแต่ปี 2552 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกับบริษัทผู้ผลิตตู้เอทีเอ็มประเทศสกอตแลนด์ให้ชดเชยความเสียหาย หากไม่ชดใช้อาจพิจารณายกเลิกใช้ตู้เอทีเอ็มยี่ห้อดังกล่าวทันที ขณะที่ความเสียหายธนาคารได้ทำประกันภัยไว้แล้ว และแจ้งความดำเนินคดีคนร้ายกับ ปอท., สถานีตำรวจท้องที่และ สบ 10 รวมทั้งตรวจสอบความเชื่อมโยงกับคนร้ายที่ก่อเหตุคล้ายกันในไต้หวันและญี่ปุ่นที่ขโมยเงินจากการใช้มัลแวร์เจาะระบบส่วนกลาง และระบบส่วนกลางสั่งให้คนร้ายสามารถกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มได้และกรณีดังกล่าวคงไม่กระทบระบบการให้บริการพร้อมเพย์ เนื่องจากพร้อมเพย์เป็นการจ่ายเงินผ่านตู้ไม่น่าจะกระทบอย่างแน่นอน
“ยืนยันไม่กระทบบัญชีหรือเงินฝากของลูกค้าแต่อย่างใด และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินแก้ไขให้เครื่องมีความปลอดภัย 100% ก่อนเปิดให้บริการ โดยลูกค้าสามารถใช้บริการตู้เอทีเอ็มได้ทุกธนาคารในเขตพื้นที่เดียวกัน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการทำรายการตลอดระยะเวลาที่ปิดบริการ” นายชาติชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย