ชาวบ้านเตรียมจ่ายค่าไฟฟ้าเอฟทีเพิ่มช่วยชาวสวนปาล์ม

กรุงเทพฯ 2 พ.ค. – กนป.มอบ กฟผ.ซื้อปาล์มอีก 2 แสนตัน ผลิตไฟฟ้า โดยซื้อราคาตลาดและต้นทุนจะผลักเข้าสู่ค่าไฟฟ้าอัตโนติ (เอฟที) ขณะที่บางจากฯ – ปตท.พร้อมเปิดปั๊มบี 20, บี 10 ขณะที่ ธพ.รอการตอบรับจากค่ายรถยนต์ก่อนประกาศมาตรฐานบี 10 เร็วสุดเดือนนี้ 


นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือยกระดับราคาปาล์ม โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพิ่มเติมอีก 200,000 ตัน จากเดิมซื้อไปแล้ว 160,000 ตัน เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง   โดย กนป.จะนำเรื่องนี้เสนอให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม 

“กฟผ.จะดำเนินการซื้อน้ำมันปาล์มดิบในสตอกทันที 100,000 ตัน เพื่อช่วยกระตุกราคาขึ้น โดยมีเป้าหมายจะผลักดันราคาผลปาล์มดิบเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 บาทต่อกิโลกรัม” นายศิริ กล่าว


พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน เนื่องจากราคาผลผลิตตกต่ำจากสภาพอากาศร้อนจัดส่งผลปาล์มสุกเร็วเป็นผลให้ผลผลิตปาล์มดิบออกสู่ตลาดมากจนล้นกำลังสกัดจากโรงสกัดที่มีอยู่ ซึ่งส่งผลให้ราคาผลปาล์มหน้าลานเทมีราคาตกลง โดยกำชับให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานเป็นทีม ประสานงานใกล้ชิด เร่งลดปริมาณน้ำมันดิบส่วนเกิน ทั้งมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ  นอกจากใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ก็ต้องการส่งเสริมการใช้น้ำมันไบโอดีเซลให้มากที่สุด รวมทั้งการเข้มงวดตรวจสอบสตอกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือให้เป็นผลรูปธรรมโดยเร็ว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กนป.ให้ กฟผ.เร่งรับซื้อซีพีโอ 200,000 ตัน แบ่งเป็นการรับซื้อเดือนพฤษภาคมนี้ 100,000 ตัน และเดือนมิถุนายนอีก 100,000 ตัน โดยรับซื้อราคาตลาด เพื่อหวังลดปริมาณซีพีโอและดึงราคาผลปาล์มที่ตกต่ำขึ้นมาเร็วสุด อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการรับซื้อครั้งนี้ให้เป็นงบประมาณของ กฟผ.ที่ให้นำมาคำนวณรวมเป็นต้นทุนค่าเอฟที ไม่ใช่รูปแบบเดิมที่รับซื้อ 160,000 ตัน ที่ไม่กระทบค่าไฟฟ้าของภาคประชาชน เพราะเงินส่วนหนึ่งมาจากเงินกองทุนส่งเสริมการส่งออกกระทรวงพาณิชย์ 525 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งเป็นงบฯ 829 ล้านบาทรายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) โดยเรื่องนี้ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้พิจารณาต้นทุนว่าจะกระทบค่าไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด โดยเบื้องต้นต้นทุนการขนส่งและสตอกซีพีโอนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 90 สตางค์/กิโลกรัม


นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บมจ.บางจากคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในวันนี้ได้เข้าพบนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช  อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อขอรับทราบนโยบายเกี่ยวกับไบโอดีเซลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยทางบางจากฯ พร้อมช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ก็เป็นกังวลเกี่ยวกับจำนวนถังน้ำมันที่จะรองรับ เพราะจะมีน้ำมันไบโอดีเซลถึง 4 เกรด ได้แก่ บี7, บี10, บี20 และพรีเมี่ยม โดยเดือนเมษายนบางจากฯ ร่วมช่วยเหลือโดยเปิดปั๊มจำหน่วยบี 20 ไปแล้วถึง 120 แห่ง ซึ่งพบว่าทางผู้ใช้กระบะและรถบรรทุกตอบรับเป็นอย่างดี หากกระทรวงพลังงานยืดระยะเวลาเพิ่มส่วนต่างระหว่างบี 20 และบี 7 ในอัตรา 5 บาท/ลิตร ต่อไปจากกำหนดเดิมจะสิ้นสุดสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ก็คาดว่าจะทำให้ช่วยเหลือชาวสวนปาล์มได้ดีขึ้น 

“ขณะนี้ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงราคาสูง หากดึงดูดให้เกิดการใช้บี 20 ด้วยราคาส่วนต่างกับบี 7 ในอัตรา 5 บาท/ลิตรต่อไปก็จะดึงดูดให้เกิดการใช้บี 20 มากขึ้นต่อเนื่องและส่งผลให้ช่วยดูดซับซีพีโอ เป็นผลดีต่อเกษตร ส่วนทางบางจากฯ จะขายผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลประเภทไหนบ้าง ก็คงต้องดูนโยบายภาครัฐที่ชัดเจนและดูทิศทางความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันบางจากฯ มีปั๊มประมาณ 1,200 แห่งทั่วประเทศและครองยอดขายดีเซลเป็นอันดับ 2 ของประเทศที่ 256 ล้านลิตร/เดือน” นายสมชัย กล่าว

ด้านนางสาวนันธิกา กล่าวว่า กรมธุรกิจพลังงานพร้อมประกาศมาตรฐานน้ำมันทางเลือกบี 10 ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในขณะนี้เพียงรอคำตอบรับอย่างเป็นทางการของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่พร้อมจะใช้บี 10 หลังจากสมาคมยานยนต์ญี่ปุ่น (จามา) ให้การตอบรับว่ารถยนต์สามารถใช้บี 10 ได้ โดยทั้งค่ายรถอเมริกันและญี่ปุ่นได้ให้คำตอบอย่างไม่เป็นทางการมาก่อนหน้านี้ว่ารถยนต์ใช้บี 10 ได้ ซึ่งในส่วนของผู้ค้าน้ำมันก็คงจะต้องเลือกว่าปั๊มใดจะจำหน่ายน้ำมันประเภทใดบ้างให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า หากรถยนต์เพิ่มการใช้บี 10 บี 20 ได้ก็จะดูดซับปาล์มได้มากขึ้น จากที่ความต้องการน้ำมันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านลิตร/วัน

นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีโออาร์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนว่าจำนวนปั๊มที่มี 1,700 แห่งนั้น จะวางกลยุทธ์การจำหน่ายกลุ่มดีเซลที่จะมีทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์เป็นอย่างไร โดยพร้อมที่จะเปิดขายบี 20, บี10 ซึ่งปัจจุบันมีปั๊มเปิดขายบี 20 ไปแล้วถึง 30 แห่ง และในการดูดซับปาล์มขณะนี้มีการรับซื้อบี 100 มาเก็บสำรองไว้รวมกว่า 100 ล้านลิตร โดยหากค่ายรถยนต์ให้การรับรองการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของบี 100 ในสัดส่วนที่สูงขึ้นจะทำให้ผู้ใช้รถเกิดความมั่นใจและมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของบี 100 ในปริมาณสูงขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]