นำนายแบงก์ลงพื้นที่ดูไม้เศรษฐกิจ

กาญจนบุรี 30 เม.ย. – พาณิชย์นำสถาบันการเงิน สื่อมวลชนลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ดูตลาดรับซื้อไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ หวังสร้างความเชื่อมั่นต้นไม้ใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อได้ 


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้านำสถาบันการเงินรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนศึกษาดูงานอุตสาหกรรมไม้โตเร็ว โอกาสของเกษตรกรนำไม้โตเร็วมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจที่บริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด (ธุรกิจในเอสซีจีแพคเกจจิ้ง) โรงงานวังศาลา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อดูภาพรวมของธุรกิจไม้ ตลาดรับซื้อไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้ ความต้องการปริมาณไม้ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเยี่ยมชมระบบบริหารจัดการสวนป่าไม้ยืนต้นที่มีค่าของเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถาบันการเงินกรณีนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันกู้เงิน หลังพบปัญหาสถาบันการเงินขาดความเชื่อมั่นหลักประกันไม้ยืนต้น รวมทั้งความเสี่ยงในการดูแลต้นไม้ที่นำมาใช้เป็นหลักประกันหลังการให้สินเชื่อ ทำให้สถาบันการเงินยังไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกัน



อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเน้นอุตสาหกรรมไม้โตเร็วเป็นหลัก ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นชนิดที่มีรอบตัดฟันสั้น เช่น ไม้ยูคาลิปตัส ใช้ระยะเวลาปลูก 3 – 5 ปี และเป็นไม้ที่ต้องการของตลาดไม้ทั้งในและต่างประเทศสูง หากสถาบันการเงินต้องการบริหารความเสี่ยงต้นไม้โตเร็วกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะมีผู้ต้องการรับซื้อไม้จำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจมากขึ้น  ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ปลูกไม้ยูคาลิปตัสประมาณ 70,000 ราย ต้นทุนเฉพาะต้นกล้าไม้ประมาณ 600 บาท/ไร่ มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 2,000 – 3,000 บาท/ไร่ ซึ่งมีราคาหน้าโรงงานประมาณ 1,300 – 1,500 บาท/ตัน 

สำหรับตลาดต่างประเทศที่มีความต้องการไม้ยูคาลิปตัสสูง ได้แก่ จีนและญี่ปุ่น โดยเฉพาะไม้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC การรับรองมาตรฐานป่าไม้ที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศมาก ทั้งนี้ มีการขายไม้ยูคาลิปตัสตลาดในประเทศประมาณ 7 ล้านตัน/ปี และส่งออกไปจำหน่ายที่ตลาดต่างประเทศประมาณ 5 ล้านตัน/ปี ส่วนแนวโน้มตลาดโลกคาดว่าจะมีความต้องการไม้ยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้น ราคาขายปรับตัวจาก 130 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 145 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น คือ เกษตรกรปลูกไม้ยูคาลิปตัส 5 ปีแรกจะยังไม่มีรายได้ รอบตัดฟันประมาณ 5 ปี หากสถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อแก่เกษตรกรเหล่านี้ได้จะสามารถช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งการที่สถาบันการเงินรับต้นไม้ยูคาลิปตัสเป็นหลักประกันจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกไม้ยูคาลิปตัสอย่างมาก


นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เยี่ยมชมระบบบริหารจัดการสวนป่ายูคาลิปตัสของเกษตรกรในพื้นที่ที่มีความพร้อมที่จะนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ วิธีการเลือกชนิดไม้ที่ปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ การดูแลรักษาต้นไม้ของเกษตรกร ประเภทผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไม้ กระบวนการรับซื้อไม้ กระบวนการผลิตไม้ ซึ่งเป็นธุรกิจป่าไม้ ธุรกิจเยื่อ และธุรกิจกระดาษ ซึ่งทุกกระบวนการดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สถาบันการเงินในการให้สินเชื่อแก่เกษตรกรและประชาชนผู้ปลูกไม้ยืนต้นในที่ดินกรรมสิทธิ์โดยใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันมากขึ้นในอนาคต โดยกรมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันส่งเสริมให้ประชาชนและเกษตรกรหันมาปลูกไม้ยืนต้นมูลค่าสูงที่มีอัตราการเติบโตปานกลาง-ช้า เช่น สัก พะยูง ชิงชัน จันทน์หอม ฯลฯ ในที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อการออมเป็นมรดกแก่ลูกหลานในอนาคต

ทั้งนี้ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.2559- 23 เม.ย.2562 มีผู้มาขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 382,061 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน รวมทั้งสิ้น 6,113,275 ล้านบาท โดยสิทธิเรียกร้องประเภทบัญชีเงินฝากธนาคาร ยังคงเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.98 มูลค่า 2,993,939 ล้านบาท รองลงมา คือ สิทธิเรียกร้องประเภทลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สัญญาเช่า สัญญาซื้อขาย คิดเป็นร้อยละ 27.90 มูลค่า 1,705,911 ล้านบาท สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ ช้าง คิดเป็นร้อยละ 23.08 มูลค่า 1,410,866 ล้านบาททรัพย์สินทางปัญญา คิดเป็นร้อยละ 0.03 มูลค่า 1,975 ล้านบาท กิจการ คิดเป็นร้อยละ 0.01 มูลค่า 318 ล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ คิดเป็นร้อยละ 0.002 มูลค่า 138 ล้านบาท และไม้ยืนต้น คิดเป็นร้อยละ 0.002 มูลค่า 128 ล้านบาท โดยไม้ยืนต้นจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ขณะที่รายย่อยยังไม่ได้รับการพิจารณาสินเชื่อแต่อย่างใด

นายมหาศาล ธีรวุตม์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามฟอเรสทรี จำกัด ธุรกิจในเอสซีจีแพคเกจจิ้ง ผลิตสินค้าเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมทุกด้านหากเกษตรกรนำไม้ยูคาลิปตัสมาขาย ณ จุดรับซื้อของบริษัทได้ทั่วประเทศ ซึ่งราคารับซื้อปัจจุบันจะอยู่ที่ตันละ 1,400  บาทเป็นราคาที่รวมค่าขนส่งและอื่น   โดยเกษตรกรจะได้ราคาส่วนนี้กว่า 800-1,000 บาทต่อตัน ซึ่งแต่ละปีปริมาณผลผลิตไม้ยูคาลิปตัสจะอยู่ที่กว่า 7-8 ล้านตัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออกกว่า 5 ล้านตัน ไปตลาดจีนและญี่ปุ่น และใช้ภายในประเทศกว่า 2-3 ล้านตัน โดยบริษัทจะรับซื้อมากกว่า 3 ล้านตัน ที่เหลือเป็นการกระจายทั่วไป ดังนั้น ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีบริษัทจีนเข้ามาดำเนินธุรกิจไม้และเยื้อกระดาษ คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไม้ยูคาลิปตัสเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน ทำให้ความต้องการไม้ยูคาลิปตัสต่อปีจะมีมากกว่า 10 ล้านตัน ซึ่งเกรงว่าปริมาณผลผลิตไม้ยูคาลิปตัสของไทยจะไม่เพียงพอ หากโครงการใช้ต้นไม้เป็นหลักประกันได้และเป็นที่แพร่หลายจะทำให้เกษตรกรหันมาปลูกไม้ยูคาลิปตัสกันเพิ่มมากขึ้นและคาดว่าใน 10 ปีข้างหน้าไม้ยูคาลิปตัสจะไม่เกิดการล้นตลาดตามที่หลายฝ่ายกังวลกัน

อย่างไรก็ตาม เท่าที่บริษัทสอบถามเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกยูคาลิปตัสต่างเห็นว่าโครงการใช้ต้นไม้เป็นหลักประกันได้มีประโยนช์มาก เช่น ใช้ต้นไม้ที่ปลูกไว้มาเป็นหลักประกัน 5-10 ไร่ เพื่อขอวงเงินกู้ 50,000-100,000 บาทกับสถาบันการเงิน เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นทุนหมุนเวียนในช่วงก่อนถึงการตัดไม้ไปขายถือว่าดีและอยากให้สถาบันการเงินช่วยมาสนับสนุนที่สำคัญตัวหลักประกัน คือ ต้นยูคาลิปตัสจะมีคุณภาพดี เนื่องจากก่อนเกษตรกรจะปลูกจะต้องมาขอต้นกล้ายูคาลิปตัสจากทางบริษัทไปปลูกเท่านั้น ซึ้งต้นกล้ายูคาลิปตัสจะเป็นต้นที่ทางบริษัทมีการดูแลเป็นอย่างดี จึงมั่นใจเมื่อต้นยูคาลิปตัสครบกำหนดที่จะฟันภายใน 3-5 ปี จะเป็นต้นที่มีมาตรฐานสูง จึงเป็นสินค้าที่ราคาไม่ตกไปมากนัก และคาดว่าอนาคตราคาต้นไม้ยูคาลิปตัสจะสูงขึ้น เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ใช้ไปในทางอุตสาหกรรมด้านต่าง ๆ แบบครบวงจร ซึ่งปัจจุบันจุดรับซื้อไม้ของบริษัทแบ่งเป็นภาคตะวันตกและภาคเหนือกว่า 50 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 37 แห่ง และมีตัวแทนรับซื้อกว่า 100 ราย 

นางก่อง ฤิทธิ์แก้ว เกษตรกรปลูกสวนป่ายูคาลิปตัส จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบถึงโครงการไม้ยืนต้นใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตามที่ภาครัฐประการใช้ แต่ถ้ามีจริงตนก็อยากที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อจะได้ไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินจะได้นำเงินมาจุนเจือเลี้ยงครอบครัวที่บ้านมีพื้นที่ปลูกต้นยูคาลิปตัสประมาณ 12 ไร่ และเข้าร่วมฟันต้นยูคาลิปตัสขายให้กับบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด ในอัตราตันละ 1,400 บาท แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งขนส่ง ตัดไม้แล้วจะเหลือเงินต่อตันละ 900 บาทขึ้นไป ถือว่าพออยู่ได้ แต่บางปีก็ไม่เหลือเงินพอ ดังนั้น หากรัฐบาลมีโครงการใช้ไม้ยูคาลิปตัสเป็นหลักประกันกู้เงินได้จริงก็พร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการนี้แน่นอน

นายวิรชาติ  อินทร์กง ผู้อำนวยการ ฝ่ายกฎหมายและกำกับกิจการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ทาง บสย.พร้อมที่จะเข้ามาค้ำประกันให้กับเกษตรกรผู้ปลูกไม้เศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ ตามโครงการของหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มที่ และการมาดูงานครั้งนี้ยิ่งมองว่าการขอสินเชื่อในอัตรา 50,00-100,000 บาทต่อ 10 ไร่ ในกลุ่มไม้ยูคาลิปตัสไม่น่าจะลำบาก เพราะจากข้อมูลที่ทางบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด (ธุรกิจในเอสซีจีแพคเกจจิ้ง) ได้ชี้แจงถึงทิศทางไม้กลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น ทาง บสย.พร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุนเป็นผู้ค้ำประกันให้กับเกษตรกรหรือกลุ่มสหกรณ์ที่สนใจจะกู้เงินกับสถาบันการเงินโดยใช้ไม้เศรษฐกิจเป็นหลักทรัพย์ค่ำประกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]