กรุงเทพฯ 29 เม.ย. – เอสซีจีเผยไตรมาสแรกปี 62 กำไรลดลงร้อยละ 6 แต่สูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมาร้อยละ 11 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ผันผวน ระบุอาจต้องทบทวนยอดขายตลอดปีนี้ว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ร้อยละ 5-10 ได้หรือไม่ เพราะความต้องการสินค้าลดลง
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แถลงผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2562 ว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีไตรมาส 1 ปี 2562 มีรายได้จากการขายรวม 112,379 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนและลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามความต้องการตลาดโลกอ่อนตัวลง ขณะที่กำไรอยู่ที่ 11,662 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากไตรมาสก่อน จากผลการดำเนินงานดีขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ อย่างไรก็ตาม กำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 6 โดยเฉพาะผลจากการกำไรที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ที่กระทบจากปัจจัยราคาตลาดโลกเป็นหลัก ทำให้ส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวลดลง
“เอสซีจีจะติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง และอาจต้องทบทวนเป้าหมายการเติบโตยอดขายตลอดปีนี้ ที่คาดว่าอาจจะไม่สามารถเติบโตได้ร้อยละ 5-10 ตามเป้าหมาย แต่ยังไม่ปรับลดเป้าหมาย เพราะขณะนี้ความต้องการสินค้าหลายตัวอ่อนตัวลง ขณะที่ระดับราคาสินค้าหลายตัวลดลงแม้ปริมาณหรือจำนวนการขายทำได้มาก แต่ระดับราคาไม่ได้ตามที่ควรจะเป็น ด้านต้นทุนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปมาก แม้สินค้าเคมีภัณฑ์ตัวหลักปรับราคาขึ้น แต่สามารถชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด ราคาน้ำมันคาดไม่ถึงว่าจะลงไปถึง 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก็ผันผวนจนคาดไม่ถึงว่าจะปรับไปขึ้นถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล” นายรุ่งโรจน์ กล่าว
สำหรับความต้องการปูนซีเมนต์ก่อสร้างไตรมาส 1 ขยายตัวร้อยละ 2 โดยภาครัฐใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 แต่ที่เหลือยังมีความต้องการใช้ไม่เติบโตมากนัก การใช้ปูนซีเมนต์ไตรมาส 2 จะพิจารณาปริมาณความต้องการใช้ให้สะท้อนความต้องการใช้ได้ไม่มากนัก เนื่องจากมีวันหยุดมาก อย่างไรก็ตาม หวังว่าช่วงต่อไปจะมีแรงกระตุ้นการใช้ปูนซีเมนต์โดยเฉพาะจากภาครัฐจะออกมาต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าโครงการก่อสร้างโครงพื้นฐานภาครัฐที่ได้มีการประมูลไปแล้วจะเดินหน้าต่อไปได้ไม่เปลี่ยนแปลง และหวังว่าภาพรวมเศรษฐกิจประเทศในภาพรวมน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ด้านธุรกิจแพ็คเก็จจิ้งในประเทศมีการเติบโตร้อยละ 2 ซึ่งไม่มากอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ส่วนเคมีภัณฑ์ยังเติบโตแต่ไม่มาก นี่คือ สถานการณ์ไตรมาสแรกปีนี้
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการเอสซีจีไตรมาส 2 มองว่าตลาดในประเทศค่อนข้างเงียบ ส่วนตลาดต่างประเทศค่อนข้างได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าจีน-สหรัฐ โดยเฉพาะจะกระทบกับความต้องการสินค้าในจีนลดลงต่ำกว่าไตรมาสแรก และเอสซีจีจะมีการตั้งสำรองพนักงานเกษียณอายุ 400 วันตามกฎหมายแรงงานใหม่ 2,000 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจของเอสซีจี ยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งพร้อมตอบรับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างทันท่วงทีไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแพคเกจจิ้งที่มุ่งการเป็น Total Packaging Solutions Provider หรือคู่คิดด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรด้วยการเดินหน้าขยายฐานการผลิตในอาเซียนโดยเฉพาะในตลาดที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้า บริการและกระบวนการผลิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและการใช้งานของผู้บริโภค ตลอดจนการเดินหน้าขับด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนตามแนวทางของ เอสซีจี หรือ SCG Circular Way .-สำนักข่าวไทย