ยกเลิกแจ้งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์

กรุงเทพฯ 23 เม.ย.-กรมสรรพากรถอย เจ้าของเงินฝากไม่ต้องแจ้งยินยอมเปิดเผยข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ข้อมูลจะส่งให้กรมฯ อัตโนมัติ หากไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนเดิม


นายปิ่นสาย สุรัสวดี โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากการหารือกับสมาคมธนาคารไทยกรณีข้อกังวลประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเรื่องการจัดเก็บภาษีเงินได้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในอัตราร้อยละ 15 ถ้ารายได้ดอกเบี้ยเงินฝากเกินกว่า 20,000 บาท/ปี ส่วนไม่ถึง 20,000 บาทได้รับการยกเว้น แต่เจ้าของบัญชีเงินฝากจะต้องไปลงนามยินยอมให้สถาบันการเงินเจ้าของบัญชีส่งข้อมูลกับกรมสรรพากร ซึ่งพบว่ายังมีปัญหาเรื่องการให้เจ้าของบัญชีลงนามยินยอม โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 99 


กรมสรรพากรจะมีการแก้ไขประกาศอธิบดีกรมสรรพากร (ฉบับที่ 344) เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาใหม่ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ทันการจัดเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากที่จะมีผลในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยประกาศใหม่จะปรับเปลี่ยนเป็นผู้ฝากเงินทุกรายไม่ต้องลงนามให้ความยินยอม แต่ข้อมูลของสถาบันการเงินจะถูกนำส่งไปทางกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ที่เสียภาษีจะมีเพียงผู้ที่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากเกินกว่า 20,000 บาทเท่านั้น ส่วนกรณีที่เจ้าของบัญชีที่ไม่ต้องการให้ธนาคารนำส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรให้เจ้าของบัญชีมาแจ้งความจำนงกับธนาคารเป็นราย ๆ ไป โดยยืนยันว่าผู้ที่มีดอกเบี้ยรับต่ำกว่า 20,000 บาท/ปีจะไม่เสียภาษีแน่นอน


ส่วนการประชุมคณะทำงานสมาคมธนาคารไทย กรณีดังกล่าว โดยให้คนที่ไม่ประสงค์ให้ธนาคารพาณิชย์ส่งข้อมูลดอกเบี้ยให้กับกรมสรรพากร ต้องไปแสดงตนและเซ็นยินยอมไม่เปิดเผยข้อมูลกับธนาคาร หากไม่แจ้งธนาคารจะส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรอัตโนมัติ ซึ่งนางสาวชุลีพร น่วมทนง รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย บอกว่าจะช่วยให้การทำงานของธนาคารพาณิชย์ง่ายขึ้น และมีผลกระทบกับลูกค้าน้อยลง ซึ่งคณะทำงานจะหารือกับกรมสรรพากรอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายนนี้ โดยจะเชิญเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วมหารือด้วย เพื่อศึกษาแนวทางของประกาศก่อนที่กรมสรรพากรจะมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

หลังจากนั้น ก็จะกลับมาประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติของสมาคมต่อไป โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปปรับปรุงเนื้อหาเอกสารให้สอดคล้องกับประกาศของกรมสรรพากรที่แก้ไขใหม่ เมื่อได้ข้อสรุป สมาคมก็จะเเจ้งไปยังธนาคารพาณิชย์ เพื่อเเจ้งต่อไปยังลูกค้า พร้อมกับจะทำอินโฟกราฟฟิค เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้าใจที่ง่ายได้ขึ้น 

ปัจจุบันนี้บัญชีออมทรัพย์ในระบบประมาณ 80 ล้านบัญชี โดยเฉลี่ย 1 คน เปิดบัญชีออมทรัพย์ประมาณ 3 บัญชี และผู้ที่มีรายได้ดอกเบี้ยออมทรัพย์เกิน 20,000 บาท ประมาณ 3 ล้านบัญชี หรือประมาณร้อยละ 1 ของผู้ฝากเงินทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับ ผู้ที่มีรายได้ดอกเบี้ยออมทรัพย์ไม่เกิน 20,000 /ปี ที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 99 ซึ่งไม่เสียภาษีเงินได้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่แล้ว

ด้านนายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า หนึ่งในแนวทางที่มีการหารือร่วมกับกรมสรรพากรคือ การเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก่อน ทั้งนี้ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกว่าจะถูกเก็บภาษีดอกเบี้ยออมทรัพย์ เพราะหากมีเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์ไม่ถึง 4 ล้านบาทก็ไม่ต้องถูกเก็บอยู่แล้ว

มีข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงจำนวนบัญชีและจำนวนเงินฝากออมทรัพย์จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ว่า จำนวนเงินฝากออมทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์มีประมาณ 88 ล้านบัญชี คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งหมดประมาณ 7.5 ล้านบัญชี พบว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ บัญชีที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท มีอยู่ทั้งหมด 77.7 ล้านบัญชี วงเงินรวมประมาณ 366,000 ล้านบาท รองมาเป็นบัญชีเงินฝากเกิน 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท มีจำนวน 3.47 ล้านบัญชี วงเงินฝากประมาณ 244,000 ล้านบาท ตามด้วยเงินฝากระหว่าง 1 แสนถึง 2 แสนบาท มี 2.67 ล้านบัญชี วงเงินรวม 370,000 ล้านบาท ส่วนผู้ที่มีเงินฝากระหว่าง 1 ล้านถึง 10 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มียอดวงเงินฝากมากที่สุด กว่า 2 ล้านล้านบาท จากจำนวนบัญชีทั้งหมด 9 แสนบัญชี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

ผู้สมัคร “ภูมิใจไทย” ประกาศชัยชนะ เลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5

28 ก.ย. – “จินณ์ตวรรณ” ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัยชนะ หลังทราบผลคะแนนเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการ นำคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้เข้าไปทำหน้าที่ สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.40 น. หมายเลข 1 ภูริกา สมหมาย พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 24,681 คะแนนหมายเลข 2 จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 31,653 คะแนน.-สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุม คืนผิวจราจร 8 ต.ค.

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – แก้ถนนทรุดคืบหน้า จนท.ยุติการเทปูนแล้ว เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุมออก เพื่อถมทรายผสมปูนอีก 5 เมตร คาดหากไม่มีอุปสรรคเพิ่ม จะคืนผิวจราจรได้อย่างน้อย 2 ช่องทาง 8 ต.ค.นี้.-สำนักข่าวไทย

“สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา มองโอกาสนำไทยสู่จอเรดาร์โลก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการพูดถึงถ้อยแถลงในที่ประชุม ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบทบาทของไทยในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่า การต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เดิมทีจะใช้ถ้อยแถลงใน UNGA เพื่อบอกว่าไทยอยากเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทำให้เกิดข้อตกลงเรื่องการรักษาข้อตกลงหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป้าหมายของไทยคือ การสร้างความปลอดภัยและนำความสงบมาสู่ชายแดน หากต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้ข้อตกลงต่างๆ เป็นรูปธรรม ก็คิดว่าไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปรับความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม นายปรัก สุคน […]

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]