ผู้ฝากเงินออมทรัพย์อาจเสียภาษีเพิ่มหากไม่ลงนามเปิดเผยข้อมูล

กรุงเทพฯ 19 เม.ย.-ก.คลัง ชี้แจงกรณีสังคมออนไลน์แชร์ข่าวภาษีเงินฝาก ย้ำส่วนใหญ่บัญชีเงินฝากคนไทยไม่อยู่ในเกณฑ์จ่ายภาษี ขณะที่ 22 เม.ย. ค่าโดยสารรถเมล์-บขส.และรถร่วมปรับขึ้น


สำหรับประกาศกรมสรรพากร เรื่องดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ทางธนาคารพาณิชย์และกระทรวงการคลังหารือกันมา 2 ปีแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษีของบรรดาเศรษฐีที่มีบัญชีออมทรัพย์ทุกบัญชีรวมกัน มีดอกเบี้ยมากกว่า 2 หมื่นบาท/ปี ซึ่งปกติแล้ว จะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 แต่ที่ผ่านมามีธนาคารขนาดเล็กส่วนใหญ่จะแนะนำให้ลูกค้าปิดบัญชี หากผลตอบแทนดอกเบี้ยเกือบถึง 20,000 บาท ประกาศฉบับนี้จึงต้องให้แบงก์รายงานทางอิเล็กทรอนิกส์ว่า แต่ละคนมีเงินฝากรวมและดอกเบี้ยเป็นอย่างไร โดยผู้ที่อยู่ในข่ายเสียภาษีหรือมีดอกเบี้ยมากกว่า 2 หมื่นบาทต่อปี ต้องมียอดเงินฝากถึง 4 ล้านบาท ในขณะที่เงินฝากบัญชีออมทรัพย์ส่วนใหญ่ หรือ 99% ของประชากร มีเงินฝากไม่ถึง 1 ล้านบาทต่อบัญชี จึงเห็นว่ารายย่อยแทบจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่เจ้าของบัญชีก็ต้องไปลงนามกับแบงก์ที่เปิดบัญชี เพื่อให้ยื่นเปิดเผยข้อมูลกับกรมสรรพากร เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว รายได้ของดอกเบี้ยเงินฝากแม้ไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อปี จะถูกนำไปรวมกับรายได้ประจำปีเพื่อคำนวณการเสียภาษีโดยอัตโนมัติ  ดังนั้น หากไม่เปิดเผยข้อมูล แทนที่จะประหยัดภาษีร้อยละ 15 อาจต้องเสียภาษีเพิ่ม และค่าปรับเมื่อนำไปรวมรายได้ และจ่ายภาษีตามฐานกลับต้องเสียภาษีมากขึ้น และหากเราไม่เอาดอกเบี้ยเงินฝาก (ที่ไม่ได้หัก ณ ที่จ่าย) ไปรวมกับเงินได้อื่นเพื่อยื่นภาษี ก็จะมีความผิดตามกฎหมายด้วย อาจโดนเบี้ยปรับเพิ่มได้


หลังจากนี้สถาบันเงินจะต้องไปหาแนวทางเพื่อจัดสงข้อมูลดอกเบี้ยของบัญชีออมทรัพย์ของลูกค้ามาให้กรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะต้องส่งข้อมูลให้กรมฯ ปีละ 2 ครั้ง คือ เดือน พ.ค.และเดือน พ.ย. ทุกปี เพื่อให้กรมฯ นำมาตรวจสอบรายได้จากดอกเบี้ยที่ได้รับจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์มาคำนวณภาษี และเสียภาษีในช่วงสิ้นปี โดยปัจจุบันกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีรายได้จากดอกเบี้ย ปีละประมาณ 1 พันล้านบาท การดำเนินการในส่วนนี้ถือเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยทำให้สามารถจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นได้อีก 1 เท่าตัว ในขณะที่สมาคมธนาคารไทย จะมีการหารือกันวันที่ 23 เม.ย.ถึงประกาศดังกล่าว โดยจะต้องมีการออกแบบฟอร์มของสมาคมเพื่อให้ลูกค้ามาลงนามให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งสมาคมธนาคารไทยพยายามจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าลงนามยินยอมที่ธนาคารเพียงแห่งเดียว และ ลิงค์ข้อมูลถึงทุกธนาคาร แต่ต้องใช้เวลาในการวางระบบดังกล่าวอีกระยะหนึ่ง 


ส่วนวันจันทร์นี้ 22 เม.ย.นี้ จะเป็นวันดีเดย์ขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด โดย นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีและรักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยืนยันว่าปรับขึ้นแน่นอน แม้ในวันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลไต่สวน เพื่อคุ้มครองชั่วคราวเป็นการฉุกเฉิน และขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอน หรือระงับการขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารประจำทางทั้งระบบตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลางมีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 61 โดยนายศรีสุวรรณมองว่า ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการประกอบกิจการขณะนี้ไม่ได้ปรับราคาขึ้น จึงไม่น่าจะเหตุนำมาอ้างปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร อีกทั้งขณะนี้กำลังจะมีรัฐบาลใหม่จึงควรให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่พิจารณา

สำหรับการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถโดยสารทั้งรถใหม่ รถเก่า รถเมล์ ขสมก. และรถร่วม จะปรับขึ้น ตั้งแต่ 1-7 บาท มีผลวันที่ 22 เมษายนนี้ ก็เป็นไปตาม เช่น รถร้อนปรับจาก 6.50 บาทเป็น 8 บาท และกรณีผู้โดยสารใช้ทางด่วนให้กำหนดค่าทางด่วนเพิ่มจากค่าโดยสารปกติ 2 บาทต่อคนต่อเที่ยวและรถบริการตลอดคืน ให้กำหนดค่าธรรมเนียมบริการตลอดคืน เพิ่มจากค่าโดยสารปกติ 1.50 บาทต่อคนต่อเที่ยว ส่วนรถร่วมบริการฯ ขสมก. ปรับขึ้น 1 บาท จาก 9 บาท เป็น 10 บาท ขณะที่รถ บขส.และรถร่วมให้ปรับราคาขึ้นไม่เกิน 10%  40 กม.แรก จะคิด 53 สตางค์ จากเดิม 49 สตางค์ต่อ กม. ส่วนเกิน 40 กม.ถึง 100 กม.ปรับจาก 44 สตางค์เป็น 48 สตางค์ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก