เร่งปฏิรูปข้อมูลเกษตรให้แม่นยำมากขึ้น

กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – “กฤษฎา” โวยปลัดเกษตรฯ-สศก.อย่าใช้ตัวเลขลอย ๆ นั่งประเมินสภาวะเกษตร ต้องวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจการเกษตรให้แม่นยำและครอบคลุม นำข้อมูลมาใช้ส่งเสริมเกษตรกรปรับเปลี่ยนวิถีการผลิต ไม่ปล่อยล้นตลาดขายขาดทุนซ้ำซาก


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สั่งการปลัดกระทรวงเกษตรฯ และเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เกี่ยวกับเผยแพร่ข้อมูลหรือคาดการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเกษตรหรือเผยแพร่เอกสารข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขทางการเกษตรที่มีผลต่อสภาพเศรษฐกิจหรือปริมาณผลผลิตและราคาผลผลิต ขอให้คำนึงถึงความแม่นยำของข้อมูลชนิด ประเภทการทำเกษตรกรรมแต่ละชนิด จำนวนพื้นที่เกษตรกรรมหรือจำนวนเกษตรกร ครอบครัวเกษตรกรต่าง ๆ ต้องเป็นตัวเลขที่ถูกต้อง โดยให้ตรวจสอบก่อนว่ามีที่มาอย่างไร ประการสำคัญหากเป็นข้อมูลหรือสถิติที่หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ รวบรวมไว้ต้องสอบทานให้เป็นข้อมูลเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผู้รับข่าวสารหรือรับรายงานไม่เชื่อถือหรือก่อให้เกิดความสับสนและกล่าวหาว่าหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ บกพร่อง เพราะเป็นหน่วยราชการสังกัดเดียวตัวเลขยังไม่ตรงกัน เป็นต้น ข้อมูลที่แม่นยำมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อทั้งหน่วยงานใน กระทรวงเกษตรฯ และองค์กรต่าง ๆ 

รัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าวว่า กรณีวิเคราะห์ข้อมูลหรือคาดการณ์ว่าราคาผลผลิตหรือสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในปัจจุบันและอนาคต เช่น จะเกิดภาวะขาดแคลน ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ สินค้าล้นตลาดหรือตลาดต้องการสินค้าเกษตรใด ให้ สศก.ระบุด้วยว่าทำอย่างไรกับการคาดการณ์หรือข้อมูลดังกล่าว ได้แก่ มีข้อเสนออย่างไรต่อหน่วยปฎิบัติใช้ส่งเสริมการผลิตหรือหน่วยที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหาแล้ว ไม่ควรรายงานหรือวิเคราะห์ออกมาลอย ๆ แล้วไม่แจ้งผู้เกี่ยวข้องให้รับไปดำเนินการ


“ต้องวางระบบข้อมูลภาคเกษตรทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องการผลิตภาคการเกษตรของประเทศ ที่สำคัญคือต้องรู้จำนวนพื้นที่ทำการเกษตรแต่ละชนิด ในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ยาง ปาล์มน้ำมัน ยังเป็นปัญหาอย่างทุกวันนี้ ที่หน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ยังมีข้อมูลไม่ตรงกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีถามย้ำในที่ประชุม ครม. เรื่องตัวเลขที่ไม่ตรงกันจะยึดของหน่วยงานใด จากนี้ สศก.และหน่วยงานเกี่ยวข้องเมื่อประเมินสภาวะการผลิตทั้งในประเทศและต่างประเทศหากเกิดภาวะภัยแล้งต้องตอบได้ว่า ฤดูกาลถัดไปเกษตรกรไทย ไม่ควรปลูกอะไร และต้องทำเกษตรกรรมใดที่ตลาดต้องการด้วย รวมทั้งประสานกับหน่วยงานทั้งระดับพื้นที่เพื่อสนับสนุนเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต ปรับเปลี่ยนทำเกษตร จะทำให้เกษตรกรมีศักยภาพในการแข่งขันของตลาดและรู้เท่าทันสถานการณ์ ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาการจัดการผลผลิตภาคเกษตรไม่สามารถทำแผนระยะยาวและวางรากฐานภาคเกษตรได้ สาเหตุหนึ่งมาจากขาดข้อมูลไม่แม่นยำ แล้วต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเท่านั้น” นายกฤษฎา กล่าว

ด้านนายวิษณุ อรรถวานิช อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า หน่วยงานที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ พยากรณ์ และรวบรวมสถิติด้านเศรษฐกิจการเกษตรควรมีเครื่องมือและวิธีการดำเนินการที่ทำให้ได้ข้อมูลแม่นยำในการปรับกระบวนการทำเกษตรกรรมแบบครบวงจร ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์วางไว้นั้น ต้องมีแบบจำลองอุปสงค์-อุปทาน ร่วมกับการตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ (Area Based) สศก.ทั่วประเทศมีอยู่ในระดับเขต 12 เขต ซึ่งสามารถร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตรในการให้เจ้าหน้าเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ และเกษตรจังหวัดช่วยรวบรวมข้อมูลภาคสนามมาประกอบด้วย หากการพยากรณ์อุปสงค์-อุปทานคลาดเคลื่อนจะทำให้การส่งเสริม การกำหนดชนิดของการทำเกษตรกรรม รวมถึงจำนวนพื้นที่ผลิต (โควตาเกษตรกรรม) รวมถึงการหาตลาดรองรับผิดพลาดไปหมด เช่น ปี 2559 ซึ่งผลผลิตข้าวออกมามากกว่าที่พยากรณ์ไว้ เนื่องจากวิเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายจากดาวเทียมเป็นหลัก ประเมินพื้นที่ปลูกน้อยกว่าที่เกษตรกรปลูกจริง ส่งผลให้เกิดปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้วางแผนปรับสมดุลการผลิตข้าว โดยจัดทำโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาเพื่อลดการทำนาปรัง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าว นอกจากนี้ แบบจำลองอุปสงค์-อุปทานจะทำเฉพาะการทำเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ต้องครอบคลุมทั้งหมดเช่น หากจะรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์การผลิตข้าว ต้องควบคู่ไปกับข้าวโพดและพืชอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากการลดหรือเพิ่มขึ้นอุปสงค์-อุปทานของพืชชนิดใดชนิดหนึ่งจะส่งผลถึงพืชอื่นด้วย

“จากการศึกษาการทำโครงการร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และภาคเอกชนนั้น ทางภาคเอกชนยังไม่มั่นใจข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งบางครั้งหน่วยวิเคราะห์กับหน่วยส่งเสริมการผลิตไม่ตรงกัน ภาคเอกชนจึงต้องส่งเจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลภาคสนาม เพื่อใช้วางแผนต่างจากสหรัฐอเมริกาที่เกษตรกรและภาคเอกชนเชื่อมั่นข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ มาก ดังนั้น การปฎิรูปการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจทางการเกษตรให้มีความแม่นยำ จึงเป็นความจำเป็นต่อนโยบายปรับกระบวนการทำเกษตรกรรมแบบครบวงจร” นายวิษณุ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]