รองโฆษกอัยการสูงสุด ชี้ ควรเพิ่มบทลงโทษเมาแล้วขับให้หนักขึ้น

สำนักข่าวไทย 15 เม.ย..-รองโฆษกอัยการสูงสุด เผย ควรเพิ่มบทลงโทษเมาแล้วขับให้หนักขึ้น หวังคนเกรงกลัวกฏหมาย ไม่กล้ากระทำผิด   ต้องเร่งรณรงค์ ดื่มแล้วไม่ขับ ไม่ใช่แค่ เมาแล้วไม่ขับ


นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณี พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคือ เสี่ยเบนซ์ ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส ทรัพย์สินเสียหาย จากกรณีขับรถชนครอบครัวตำรวจ บนถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก เมื่อ 12 เมษายนที่ผ่านมา ว่า การเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นประสบอุบัติเหตุไปด้วยและถึงแก่ชีวิต อาจต้องพิจารณาเพิ่มอัตราโทษที่สูงขึ้น อัตราโทษจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้คนเกรงกลัวกฏหมาย ทำให้กฏหมายมีประสิทธิภาพ ทำอย่างไรให้คนในสังคมตระหนักรู้ เมื่อดื่มแล้วต้องไม่ขับ ต้องรณรงค์ถึงขั้นดื่มไม่ขับกันเลย ไม่ใช่รณรงค์เพียงแค่เมาแล้วไม่ขับเท่านั้น   ทำอย่างไรให้คนระมัดระวังมากขึ้น หากขับรถระหว่างเมา ทำให้คนอื่นได้รับอันตรายภาครัฐต้องช่วยกันดูแล ป้องกัน  เช่นในต่างประเทศ  อย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ หากพกปืน โทษถึงประหารชีวิต คนจะรู้ว่าโทษร้ายแรงมาก จึงกลัวมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้นด้วย    


ส่วนที่หลายกระแสเสนอว่า น่าจะเพิ่มโทษเมาแล้วขับให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษเท่ากับเจตนาฆ่า  หากโทษไม่หนัก คนมีฐานะมีความสามารถในการจ่ายค่าปรับ ตนจึงมองบทลงโทษหนึ่งที่จะเป็นตัวช่วยและควรนำกลับมาใช้อีกคือ การให้ไปบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ดูแลคนป่วยที่โรงพยาบาลดูและเหยื่อที่เกิดจากการเมาแล้วขับ  จุดนั้นเป็นมาตรการที่คนเกรงกลัว  นอกจากจำคุก และโทษปรับที่สูงแล้ว จำเป็นต้องควบคู่กับการ คุมประพฤติสาธารณะประโยชน์ด้วย เพราะที่ผานมาคนผิดกลัวข้อนี้มาก 

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด  มองว่า การเพิ่มโทษจะทำให้คนในสังคมตื่นรู้และตระหนักรู้มากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้น มีสติและเกรงกลัวมากขึ้น เป็นส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฏหมายด้วย  ล่าสุด ที่ประเทศใต้หวัน กำลังจะมีการเพิ่มโทษเรื่องเมาแล้วขับ เอาจริงถึงขั้นประหารชีวิต เพียงรอสภาพิจารณา   ส่วนที่จีน หากดื่มแล้วขับ จับติดคุกทันที  โดยขั้นตอนแก้กฏหมายหน่วยงานต่างๆสามารถร่วมกันเสนอ และผลักดัน  อาทิ  กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่ดูแลเรื่องเมาแล้วขับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  สำนักงงานอัยการสูงสุด หากพิจารณาเห็นว่ากฏหมายเมาแล้วขับสมควรแก้ไข สามารถเสนอผ่านกระทรวงยุติธรรม ผลักดันเข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาของสภา เพื่อยกร่างกฏหมาย หรือแก้ไขกฏหมาย ซึ่งกฏหมายเมาแล้วขับ มีอยู่แล้ว เพียงแต่หากอัตราโทษในพ.ร.บ.จราจร เรื่องเมาแล้วขับยังต่ำไป ต้องแก้ให้สูงขึ้น  โทษเมาแล้วขับอัตราสูงสุด หากถึงแก่ความตาย จำคุก3-10ปี ปรับ6หมื่น-2แสนบาท รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาติขับขี่  ,เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นอันตรายสาหัส โทษจำคุก2-6ปี  ,เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ บาดเจ็บแต่ไม่ถึงสาหัส โทษจำคุก1-5ปี ต่ำลงมาตามลำดับ


กรณีที่นักสิทธิมนุษยชนออกมาคัดค้านโทษประหารชีวิต นั้น  ตนมองว่า มีการถกเถียงมาโดยตลอด  คิดว่าการถกเถียงกันเป็นเรื่องทางวิชาการและทางความคิด คนที่จะตัดสินว่า ควรเพิ่มโทษประหารชีวิตหรือไม่คงเป็นหน้าที่ของรัฐสภา ต้องดูสถานการณ์การกระทำควาผิดและปัญหาของสังคม  การกำหนดอัตราโทษสูงๆ เพื่อให้คนเกรงกลัวกฏหมาย และต้องทำให้กฏหมายมีประสิทธิภาพ หากกฏหมายไม่มีประสิทธิภาพการบังคับใช้ก็ไม่เกิดและคนจะไม่เกรงกลัว  หากจะวางโทษให้สูงขึ้นต้องมาพิจารณาให้รอบคอบ  ซึ่งโทษประหารชีวิตในประเทศไทย คือประเภทข้อหาฆ่า และฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 

สำหรับกรณีเสี่ยเบนซ์ พนักงานสอบสวนคงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน เนื่องจากกระบวนการสอบสวนต้องสอบพยานทั้ง2ฝ่าย เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายต่อสู้คดี คงต้องใช้เวลา และรวบรวมหลักฐาน ถึงจะเข้าสู่ข้อกล่าวหาที่สมบูรณ์  ส่วนการที่นายสมชาย บอกว่าจะอุปการะเลี้ยงดูบุตรให้ผู้ตาย คือการแสดงความรับผิดชอบในทางกฏหมาย เวลามีคดีความ ศาลจะดูว่ามีความรับผิดชอบหรือไม่ เป็นเหตุให้มีการลดหย่อนโทษได้ หรือเป็นเหตุบรรเทาโทษ  หากครอบครัวผู้สูญเสียต้องการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร สำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ โดยมีหน่วยงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมาย  ทั้งบันทึกข้อตกลง สัญญาประณีประนอม การชดใช้ความเสียหายให้เด็กที่ต้องขาดไร้อุปการะ   พร้อมฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ว่า  หากดื่มอย่าขับ จนเกิดเหตุร้ายตามมา เมื่อเกิดเหตุมาแล้วเสียใจทุกฝ่าย เชื่อว่าคนที่เมาแล้วขับทุกคนคงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย