สโมสรทหารบก 4 เม.ย.-นายกฯ ชื่นชมองค์กรจัดการการเงินการคลังเป็นเลิศ ย้ำทุกคนต้องทำงานภายใต้กฎหมาย แต่ยังมีคนเลวพยายามหลบเหลี่ยงเพื่อเอาชนะกฎหมาย ยืนยันไม่สืบทอดอำนาจ และไม่ได้สั่งการให้ฟ้องร้องใคร ขอไม่รบกับใคร เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี โดยมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัล จำนวน 27 หน่วยงาน 31 รางวัล ซึ่งพิจารณาจากหลักเกณฑ์การประเมินตามขั้นตอนการบริหารด้านการเงินการคลัง 5 มิติ ประกอบด้วย มิติด้านการจัดซื้อจัดจ้าง มิติด้านการเบิกจ่าย มิติด้านการบัญชีภาครัฐ มิติด้านการตรวจสอบภายในภาครัฐ และมิติด้านปลอดความรับผิดทางละเมิด ทั้งนี้รางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง เป็นการส่งเสริมการปฏิบัติงานในภาพรวมของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ ยกย่องเชิดชูหน่วยงานที่มีความมุ่งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับองค์กรที่ได้รับรางวัล ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการประเมินผลงาน ให้ทุกคนมีกำลังใจ และพยายามปรับปรุงการทำงาน ที่ผ่านมายังคงมีปัญหาอยู่บ้าง และทุกอย่างกฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรให้การทำงานสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่ให้ทุกอย่างเดินหน้าอย่างมีแบบแผน ใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิรูปกฎหมายและการพัฒนากระบวนการยุติธรรมต้องพัฒนาไปพร้อมกัน ไม่ใช่ปฏิรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง และการที่ประเทศจะเดินไปอย่างมั่นคง คือ ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีวินัยการเงินการคลังที่ดี รัฐบาลพยายามดูแลเศรษฐกิจระดับล่าง แต่ต้องดูตลาดโลกและต้องเรียนรู้ รวมถึงทำความเข้าใจการเบิกจ่ายงบประมาณให้ดีที่สุด เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดโครงการต่าง ๆ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กฎหมายวันนี้ที่ออกมา ส่วนใหญ่เป็นกฎหมายอำนาจความสะดวก ส่วนกฎหมายที่จะเอาผิดนั้นมีอยู่แล้ว และคิดว่าเพียงพอ แต่ก็มีการเรียกร้องให้ออกกฎหมายมาเพิ่ม แต่เมื่อมีกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น ก็มีบางกลุ่มพยายามหาวิธีการหลบเลี่ยง เพื่อเอาชนะกฎหมายทุกฉบับ ซึ่งแบบนี้ขอเรียกว่าเป็นคนเลว ดังนั้นทุกวันนี้ต้องสร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาให้ประชาชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ สร้างความก้าวหน้าให้ประเทศ
“สิ่งสำคัญ คือ ทุกคนต้องมีแรงบันดาลใจ มีศรัทธาในการทำงาน ขอชื่นชมทุกหน่วยงาน และหวังว่าจะรักษามาตรฐานต่อไปในอนาคต เกียรติยศต่าง ๆ จะติดตัวไปจนตาย และอยู่กับไปครอบครัว บุตรหลานของทุกคน และหวังว่าในอนาคต ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำจะทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง ทุกวันนี้ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มีความอ่อนไหว ดังนั้นขอให้ต้องมั่นใจการทำงาน เหมือนที่ผมมั่นใจมาโดยตลอดว่าทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยผมได้วางกฎกติกาต่าง ๆ ไว้แล้ว อยู่ที่ข้าราชการทุกคนจะเดินหน้านำไปสานต่อ ผมเป็นทหารและมีบุคลิกเช่นนี้ ซึ่งอาจมีบางคนไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่อยากไปรบกับใคร บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น พร้อมยืนยันไม่ได้สืบทอดอำนาจ สิ่งที่ทำอยู่เป็นประชาธิปไตย ตามที่ประชาชนต้องการ กระบวนการเลือกตั้งก็ว่ากันไป สิ่งต่าง ๆ ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้สั่งการใคร เมื่อเลือกตั้งกันมา ก็ถือว่าจบ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็ต้องแก้ไข ส่วนเรื่องการฟ้องร้องคดีต่าง ๆ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หากผมเองถูกฟ้องร้อง ก็จะชี้แจง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้สื่อมวลชนไม่ต้องมาสอบถามเรื่องต่าง ๆ เพราะตนไม่อยากตอบ ทุกวันนี้มีความขัดแย้งมากพอแล้ว ไม่ควรมาถามกันอีก พร้อมกันนี้ ได้พูดถึงหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ที่พาดหัวข่าวว่าไม่เหมาะสม เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง และหากเกิดอะไรขึ้น ขอให้รับผิดชอบกันด้วย
ก่อนนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายกรัฐมนตรีว่าหนังสือพิมพ์ฉบับใดที่พาดหัวข่าวไม่เหมาะสม นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบ พร้อมบอกว่า ให้ไปหาอ่านกันเอง.-สำนักข่าวไทย