กาญจนบุรี 31 มี.ค. – อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุ 2 ด่านค้าชายแดนทั้งด่านเจดีย์สามองค์และพุน้ำร้อนมีโอกาสสร้างมูลค่าการค้าและการลงทุนไทย-เมียนมาขยายตัวเพิ่มขึ้น
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดคณะลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 29 – 31 มีนาคม 2562 เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณด่านพุน้ำร้อนและด่านเจดีย์สามองค์ โดยใช้โอกาสนี้ประชุมหารือและรับฟังปัญหาการค้าชายแดนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและผลักดันให้การค้า การลงทุน ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับประเด็นที่ได้มีการหารือ คือ 1.เร่งรัดให้มีการสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างบ้านพุน้ำร้อน – บ้านทิกิ – เมืองทวายโดยเร็ว เพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างไทยและเมียนมา 2.การติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างด่านพุน้ำร้อนและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการนำเข้าส่งออกสินค้าลดปัญหาความซ้ำซ้อนตรวจปล่อยสินค้านำเข้า-ส่งออก 3.ยกระดับด่านพระเจดีย์สามองค์จากจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าและการท่องเที่ยวเป็นจุดผ่านแดนถาวรเป็นประโยชน์การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ 4.ผลักดันแก้ไขปัญหาด่านพระเจดีย์สามองค์ทั้งในประเด็นพื้นที่ทับซ้อน และให้เมียนมาเปิดด่านพญาตองซูของเมียนมาที่ตรงข้ามกับด่านของไทยโดยเร็ว และ 5.ไทยควรใช้ประโยชน์จากแรงงานวัยหนุ่มสาวของเมียนมา ด้วยการตั้งโรงงานในบริเวณชายแดนให้มากขึ้น
นอกจากนี้ เท่าที่กรมฯ ได้ลงพื้นด่านบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งเป็นด่านกำลังก่อสร้างใหม่ด้วยงบประมาณสูงกว่า 711 ล้านบาท พื้นที่ 1,300 ไร่ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2560 จะเสร็จภายในสิ้นปี 2562 ซึ่งจะเป็นด่านใหญ่สุดในจังหวัดกาญจน์บุรีและจะเป็นการค้าชายแดนที่อำนวยความสะดวกครบวงจรภายในจุดเดียว ปัจจุบันการค้าชายแดนของในเขตจังหวัดกาญจนบุรี มียอดการค้ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท จากตลาดการค้าชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ตลาดการค้าชายแดนพญาตองซู เมืองพญาตองซู ซึ่งไทยขาดดุลการค้าเมียนมา เนื่องจากไทยนำเข้าก๊าซธรรมชาติปีหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่ไทยส่งออกกลุ่มสินค้าอาหารสำเร็จรูปและอื่น ๆ เข้าไปเมียนมาปีหลายพันล้านบาท ดังนั้น การค้าขายกลุ่มสินค้าประเภทอาหารสัตว์น้ำและอื่น ๆ และเชื่อว่าเมื่อด่านการค้าบ้านน้ำพุร้อนเปิดทำการการค้าชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมาจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อปีกว่าร้อยละ 15
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ยังมีแผนจัดมหกรรมการค้าชายแดนไทย-เมียนมาช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2562 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยในงานมีการจัดแสดงสินค้าและจัดจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการไทย-เมียนมา 150 คูหา และการจัดสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งการเจรจาจับคู่ธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการไทยและเมียนมา และยังจะจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา (JBTC) ครั้งที่ 3 ช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2562 เพื่อร่วมมือผลักดันขยายการค้าการลงทุนและความร่วมมือพัฒนาความเจริญทางเศรษฐกิจของชายแดนไทย-เมียนมา
ทังนี้ รัฐบาลได้มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องผ่านการกำหนดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ครอบคลุม 10 จังหวัด ได้แก่ ตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา หนองคาย นราธิวาส เชียงราย นครพนม และกาญจนบุรี เพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่บริเวณชายแดนให้เป็นประตูเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน โดยเล็งเห็นศักยภาพของด่านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีความพร้อมในการรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะสามารถพัฒนาให้เป็นต้นแบบของด่านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดนของไทยได้ในอนาคต จึงได้มีการติดตามสถานการณ์ จากทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการค้าชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดกาญจนบุรี ปี 2560 มีมูลค่ารวม 64,447.71 ล้านบาท ส่วนปี 2561 มีมูลค่ารวม 75,824.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.65 สำหรับสถิติการค้าชายแดนรายปีด่านศุลกากรสังขละบุรีปี 2560 มีมูลค่ารวม 64,155.13 ล้านบาท และปี 2561 มีมูลค่ารวม 75,505.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.69 ส่วนจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อนปี 2560 มีมูลค่ารวม 292.58 ล้านบาท และปี 2561 มีมูลค่ารวม 320.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.42 โดยสินค้าหลักที่นำเข้าจากเมียนมา คือ ก๊าซธรรมชาติ สัตว์น้ำ และสินค้าส่งออกไปเมียนมา คือ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย