กทม. 29 มี.ค.- ตำรวจหลายหน่วยซุ่มจับรถปฏิเสธรับผู้โดยสาร โก่งราคารอบพระบรมหาราชวัง หรือหลอกไปร้านค้า เพื่อรับค่าน้ำร้อนน้ำชา
พลตำรวจตรีนิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ปล่อยแถวตำรวจจราจร ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคมเข้าเมือง และตำรวจ สน.ชนะสงคราม ออกกวดขันจับกุม แท็กซี่และสามล้อ รอบพื้นที่พระบรมมหาราชวัง หลังพบการร้องเรียนจากประชาชน ว่ารถเหล่านี้มักไม่กดมิเตอร์ ปฏิเสธผู้โดยสาร และอ้างว่าวัดพระแก้วปิด ก่อนหลอกพาไปร้านตัดสูท พาไปร้านเพชร เพื่อรับค่าน้ำชาจากร้านเหล่านั้น สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ
จากการลงพื้นที่ซุ่มดูพฤติกรรมของรถแท็กซี่ และสามล้อ ตั้งแต่ 9.00-12.00 น. พบการปฏิเสธผู้โดยสาร 73 คดี และจอดกีดขวางการจราจร หรือจอดรอดักรับนักท่องเที่ยว 45 คดี จึงดำเนินคดีในข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร ปรับสูงสุด 1,000 บาท
พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจจราจรเข้มงวดกวดขันเรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาพบรถแท็กซี่ และสามล้อรอบพระบรมมหาราชวัง บางรายมีพฤติกรรม หลอกลวงนักท่องเที่ยว มักอ้างว่าสถานที่ท่องเที่ยวปิด และยัดเยียดแนะนำว่าจะพาไปสถานที่อันซีนเปิดใหม่ เมื่อนักท่องเที่ยวหลงเชื่อ กลับพาไปร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า โดยได้ค่าสินน้ำใจจากทางร้านเป็นการตอบแทน ส่วนการปฏิเสธผู้โดยสาร ได้เน้นย้ำห้ามปฏิเสธโดยเด็ดขาด หากรักในอาชีพนี้ จะเลือกกลุ่มคน หรือเลือกสถานที่ไปไม่ได้
ด้านนายพรชัย รัตนวิเศษ โชเฟอร์สามล้อตุ๊กตุ๊ก ที่โดนจับปรับ 1,000 บาท ในข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร ระบายความในใจกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า สาเหตุที่ไม่รับ เนื่องจาก ตกลงราคากับผู้โดยสารไม่ได้ อย่างนักท่องเที่ยวจีนต่อราคาเกินครึ่ง จึงอยากให้ตำรวจรับฟังเหตุผลที่ปฏิเสธผู้โดยสารด้วย ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมักเทียบราคาจากแอพพลิเคชั่น Grab แล้วนำมาต่อราคากับสามล้อ ซึ่งขอชี้แจงต่อสังคมว่า สามล้อมีต้นทุนสูงกว่า บางพื้นที่ขับไปส่ง ต้องตีรถเปล่ากลับมาที่วินของตัวเอง ต่างจาก Grab ที่สามารถรับคนต่อเนื่องได้ทุกพื้นที่.-สำนักข่าวไทย