เชียงใหม่ 26 มี.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ รวมทั้งเชียงใหม่ เจอหมอกควันปกคลุมและฝุ่นพิษเกินมาตรฐานสะสมมาร่วม 2 สัปดาห์แล้ว และเริ่มส่งผลต่อผู้คนล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจและหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น เฉพาะช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยกว่า 8,000 คนแล้ว ทำให้หลายฝ่ายเร่งดูแลกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้
สภาพท้องฟ้าเหนือเมืองเชียงใหม่ ยังเต็มไปด้วยหมอกควันที่เกิดจากการเผาปกคลุมหนาแน่น บางวันถึงขั้นเครื่องบินลงไม่ได้ ที่สำคัญในหมอกควันเต็มไปด้วยฝุ่นพิษขนาด PM 2.5 ที่เล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผม 25 เท่า เกินมาตรฐานเป็นเท่าตัวมานานเกือบ 2 สัปดาห์ แม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่สัมผัสได้จากอาการแสบตาแสบจมูก ผู้คนต้องสวมหน้ากากอนามัยกันทั่วเมือง ตามโรงพยาบาลหลายแห่งมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลผู้ป่วยด้วยโรคที่อาจจะเกิดจากหมอกควัน ทั้งตาอักเสบ หัวใจ หลอดเลือด ทางเดินหายใจ และผิวหนังอักเสบ ในช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วจะใกล้เคียงกัน แต่หากเทียบกับช่วงที่ไม่มีหมอกควัน ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นชัดเจน เฉพาะสัปดาห์ที่แล้วมีผู้ป่วยรวมกว่า 8,000 คนแล้ว
อย่างคุณยายคนนี้ ยอมรับว่า แสบตาแสบจมูก หายใจไม่ค่อยออก เช่นเดียวกับผู้ป่วยติดเตียงอีกหลายคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ดูแลตัวเองไม่ได้ เฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ มีกว่า 200 คน เกินครึ่งยากจนและไม่มีคนดูแล ต้องทนสูดควันเข้าไป จึงเป็นงานหนักของเจ้าหน้าที่และ อสม. ที่จะนำหน้ากากอนามัยไปแจกจ่าย และแนะนำการปฏิบัติตัว
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ยืนยันยังไม่จำเป็นต้องประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพราะเจ้าหน้าที่ยังทำงานได้เต็มที่ มีงบประมาณเพียงพออยู่แล้ว แต่ต้องคุมเข้มการเผาเด็ดขาด
และแม้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพยายามเข้าดับไฟจากการเผาทั้งวันทั้งคืนมานับเดือน ใช้เครื่องบินโปรยน้ำ ฉีดน้ำเพิ่มความชื้น แต่ไม่สามารถสู้หมอกควันจากการเผาได้ เฉพาะวันนี้ 9 จังหวัดภาคเหนือ พบจุดความร้อนมากกว่า 1,000 จุด ยังไม่รวมเพื่อนบ้านรอบๆ อีกหลายพันจุด ทำให้ควันลอยมาปกคลุมพร้อมกับอากาศเย็น เหมือนปิดฝาไม่ให้หมอกควันลอยขึ้น จึงต้องบรรเทาผลกระทบไปจนกว่าจะมีฝนหรือลมมาพัดหมอกควันไป เช่นเดียวกับที่เป็นมานับสิบปี. – สำนักข่าวไทย