กทม.22 มี.ค.-ศาลฎีกายืนยกฟ้อง คดีอุ้มฆ่า”โมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี” ชี้พยานให้การสับสนขัดคำให้การเดิม ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ
ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ,พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือสมช่าย จูสนิท, พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล,พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ คดีอุ้มฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประกอบธุรกิจจัดส่งแรงงานไทยไปประเทศซาอุฯ เมื่อปี 2533 จำเลยทั้ง 5 ปฎิเสธพร้อมต่อสู้คดีในชั้นศาลมาโดยตลอด
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะยื่นฟ้องจำเลยได้
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พบพยานหลักฐานใหม่ เป็นประจักษ์พยานบุคคล คือ พันตำรวจโทสุวิชชัย แก้วผลิก อดีตตำรวจซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าชาว สปป.ลาวเสียชีวิต และพยานวัตถุเป็นแหวน ซึ่งพันตำรวจโทสุวิชชัย อ้างว่า เป็นแหวนประจำตัวนายโมฮัมเหม็ดอัลรูไวรี ใช้เป็นข้อต่อสู้ในการยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน
ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยาน คือ พันตำรวจโทสุวิชชัย ให้การสับสน ขัดกับคำให้การเดิม มีลักษณะต่อรองผลประโยชน์เพื่อให้หลุดพ้นคดี จึงรับฟังไม่ได้ อีกทั้งวัตถุพยาน ซึ่งพันตำรวจโทสุวิชชัย อ้างว่า เป็นของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี ที่พบในก้นถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ที่ใช้เผาศพนายอัลรูไวรี ภายในไร่มัน ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ไม่พบร่องรอยการเผาไหม้หรือหลอมละลาย อีกทั้งญาติสนิทของนายอัลรูไวรี ในประเทศซาอุฯ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแหวนของนายอัลรูไวรี ศาลอาญาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง
หลังฟังคำพิพากษา พลตำรวจโทสมคิด กล่าวว่า ตลอดการต่อสู้คดีนานกว่า 10 ปี ถูกกล่าวหามาโดยตลอดว่าฆ่าคนตาย แต่วันนี้(22 มี.ค.) พ้นข้อกล่าวหาแล้ว พร้อมระบุว่า พนักงานสอบสวนของดีเอสไอและอัยการ สร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาใส่ร้ายพวกตนทั้ง 5 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการยื่นฟ้องไปแล้ว สำนวนอยู่ที่ ป.ป.ช. หลังจากนี้จะดำเนินการยื่นฟ้องพนักงานอัยการในคดีนี้เพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย
