กรุงเทพฯ 22 มี.ค. –ปตท.สผ.ซื้อกิจการของเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศมาเลเซีย มูลค่า 2,127 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มปริมาณขายปิโตรเลียมได้ทันทีประมาณร้อยละ 15 และยังชนะการประมูลสิทธิ์สำรวจปิโตรเลียมในมาเลเซียอีก 2 แปลง
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัท พีทีทีอีพี เอชเค ออฟชอร์ จำกัด (PTTEP HK Offshore Limited) หรือ พีทีทีอีพี เอชเคโอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น ทั้งหมดในบริษัทย่อยของเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ได้แก่ บริษัท เมอร์ฟี่ ซาบาห์ ออยล์ จำกัด และบริษัท เมอร์ฟี่ ซาราวัก ออยล์ จำกัด การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ครอบคลุมแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติ 5 โครงการ ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311, โครงการซาบาห์ เอช, โครงการเอสเค 314 เอ และโครงการเอสเค 405 บี รวมทั้งสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั้งนี้ ปตท.สผ.ได้ใช้เงินจากกระแสเงินสดของบริษัทในการเข้าซื้อกิจการ โดยคาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2 ปี 2562
“การลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมตามสัดส่วนการลงทุนของ ปตท.สผ. ได้ทันทีประมาณ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือประมาณร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปริมาณการขายปัจจุบันและยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันทีด้วยเช่นกัน” นายพงศธร กล่าว
สำหรับโครงการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้ง 5 โครงการนั้น ตั้งอยู่ในบริเวณรัฐซาบาห์และรัฐซาราวัก โดยมีโครงการที่อยู่ในระยะผลิต ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่สำคัญขนาดใหญ่ และ ปตท.สผ.จะเข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการทันที โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 100,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และจะเพิ่มเป็นประมาณ 140,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ในอีก 4 ปีข้างหน้า จากโครงการซาบาห์ เอช ที่มีแผนจะเริ่มการผลิตในช่วงครึ่งหลังปี 2563 โดยจะผลิตก๊าซธรรมชาติปริมาณ 270 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ให้กับโครงการ FLNG2 ของปิโตรนาส นอกจากนี้ ยังมีโครงการเอสเค 314 เอ โครงการเอสเค 405 บี ซึ่งอยู่ในระยะสำรวจ โดยมีแผนงานที่จะทำการวัดคลื่นไหวสะเทือน และเจาะหลุมสำรวจในอนาคต
ล่าสุด ปตท.สผ.โดยพีทีทีอีพี เอชเคโอ ร่วมกับบริษัท ปิโตรนาส ชาริกาลี จำกัด ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับบริษัท ปิโตรเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด หรือปิโตรนาส เพื่อรับสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจพีเอ็ม 407 และพีเอ็ม 415 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนอกชายฝั่งเพนนินซูลาร์ มาเลเซีย จากการชนะการเปิดประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในปี 2561 ของประเทศมาเลเซียภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตดังกล่าว พีทีทีอีพี เอชเคโอ จะเป็นผู้ดำเนินการในทั้งสองแปลง โดยมีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 55 ในแปลงพีเอ็ม 407 และร้อยละ 70 ในแปลงพีเอ็ม 415 ในขณะที่ ปิโตรนาส ชาริกาลี ถือสัดส่วนการลงทุนที่เหลือในทั้ง 2 แปลง ทั้งนี้ บริษัทวางแผนดำเนินการสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 407 และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 415
นายพงศธร กล่าวว่า จากการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซียครั้งนี้ ประกอบกับการชนะการประมูลในมาเลเซียอีก 2 แปลง รวมทั้งแปลงสำรวจต่าง ๆ ที่ ปตท.สผ.เป็นผู้ดำเนินการนั้น ส่งผลให้ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในฐานการลงทุนใหญ่ของ ปตท.สผ. นอกเหนือไปจากการลงทุนในประเทศไทยและเมียนมา รวมทั้งส่งผลให้ ปตท.สผ.เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศมาเลเซีย ในด้านของการถือครองปริมาณทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งครอบคลุมการสำรวจและการผลิต น้ำมันและก๊าซธรรมชาติบริเวณที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงทั้งในบริเวณนอกชายฝั่งเพนนินซูลาร์ มาเลเซียและนอกชายฝั่งรัฐซาราวักและรัฐซาบาห์ การลงทุนเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในระยะยาว “Coming Home” ซึ่ง ปตท.สผ.มุ่งเน้นการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน ปตท.สผ.มีการลงทุนในมาเลเซียหลายโครงการ ได้แก่ โครงการซาราวักเอสเค 410 บี ซึ่งอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลด้านธรณีวิทยาและการประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียม เพื่อเตรียมวางแผนการเจาะหลุมสำรวจโครงการซาราวักเอสเค 417 ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้านธรณีวิทยาและศักยภาพปิโตรเลียม และโครงการซาราวักเอสเค 438 ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการเจาะหลุมสำรวจ นอกจากนี้ ปตท.สผ.ยังมีการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย รวมทั้ง ปตท.สผ.ยังได้ลงทุนในบริษัท พีทีที โกลบอล แอลเอ็นจี จำกัด ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในโครงการ MLNG Train 9 ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซธรรมชาติเหลวอีกด้วย. – สำนักข่าวไทย