กรุงเทพฯ 21 มี.ค.-การเลือกตั้งส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมสูงสุดในรอบ 6 ปี ด้านกระทรวงพาณิชย์เผยการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์กลับมาเป็นบวกเกือบร้อยละ 6 และงัดแผนเอสเอ็มอี โปรแอคทีฟ หนุนส่งออกต่อเนื่อง
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกุมภาพันธ์พบว่าอยู่ที่ระดับ 95.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 93.8 ในเดือนมกราคม สูงสุดในรอบ 72 เดือน หรือ 6 ปี เนื่องจากกิจกรรมหาเสียงเลือกตั้งส่งผลดีต่อยอดใช้จ่ายทั้งด้านยานยนต์ สิ่งพิมพ์ อาหาร การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเดินหน้า ประกอบกับยอดคำสั่งซื้อโดยรวมดีขึ้น และดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 105.4 เพราะคาดหวังว่าภายหลังการเลือกตั้ง จะมีรัฐบาลชุดใหม่จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจมีความชัดเจน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีข้อเสนอต่อภาครัฐหามาตรการเชิงรูปธรรม เพื่อสนับสนุนให้แข่งขันได้ในยุค Disruptive Technology และเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีเอฟทีเอกับกลุ่มประเทศที่ไทยยังไม่มีข้อตกลงการค้าร่วมกัน อาทิ กลุ่มประเทศยูโรโซน ตะวันออกกลาง แอฟริกาและยูเรเซีย
ตัวเลขส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ มีมูลค่า 21,553 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัวเป็นบวกร้อยละ 5.91 จากเดือนมกราคมที่ติดลบร้อยละ 5.6
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า เป็นเพราะปัญหาสงครามการค้าจีนและสหรัฐเริ่มจะหาข้อยุติร่วมกัน ทำให้ทิศทางการส่งออกทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งผู้นำเข้ามีความมั่นใจ นำเข้าสินค้าจากไทยโดยเฉพาะกลุ่มอาหาร หลังจากรัฐบาลยกระดับการคุ้มครองแรงงานจนสามารถปลดใบเหลืองทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ไอยูยู อย่างไรก็ตาม เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาควรเร่งเจรจาการค้า ให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นแต้มต่อด้านภาษี โดยเฉพาะเขตการค้าเสรีหรือ FTA ที่คู่ค้าพร้อมที่จะเจรจากับประเทศไทยเพียงแต่รอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่
ทั้งนี้ ในด้านการส่งออกผู้ประกอบการไทยหาโอกาสต่อเนื่อง ล่าสุดไปร่วมออกงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ระดับโลก PROPAK VIETNAM ที่นครโฮจิมินห์ ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยไปร่วมงาน 35 ราย โดยรายใหญ่ที่สุด ก็คือ บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรายใหญ่เพียงรายเดียวที่เข้าร่วมงานพลาสติกระดับโลกงานนี้ ในกลุ่มผู้ประกอบการไทยนั้น มีผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมผ่าน โครงการเอสเอ็มอีโพรแอกทีฟ ไปร่วมงานถึง 7 ราย โดยกลุ่มนี้ทางกระทรวงพาณิชย์จะส่งเสริมให้ไปออกงานแสดงสินค้าฟรีในต่างประเทศไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด ตลาดเวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจเพราะจีดีพีเติบโตร้อยละ 6 – 7 ต่อปี ไทยเป็นผู้ลงทุนอันดับที่ 9 ในเวียดนาม และเวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยมีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ปีที่แล้วมูลค่าการค้าระหว่างกันขยายตัวถึงร้อยละ 12 และการส่งออกเม็ดพลาสติกขยายตัวร้อยละ 35 และตลาดเม็ดพลาสติกในเวียดนามยังมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก จากปัจจัยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนของรัฐบาล ซึ่งสะท้อนความต้องการใช้เม็ดพลาสติกที่นำไปผลิตสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน โดยในปีนี้ คาดการณ์เวียดนามจะมีความต้องการเม็ดพลาสติกปริมาณเกือบ 5,000,000 ตัน/ปี โดยการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก และในส่วนของเทรดวอร์หรือสงครามการค้าสหรัฐและจีนนั้นที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนเวียดนามเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย