สำนักข่าวไทย 20 มี.ค.-ปลัด ศธ. ยังรอกรมบัญชีกลางตอบกลับ หลังขออนุมัติใช้เงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต 22 ล้านบาทจ่ายคืนเด็กที่มีสิทธิรับทุนแต่ไม่ได้เงิน ระบุปีการศึกษา 61จัดสรรเงินทุนแล้วพร้อมปรับขั้นตอนดำเนินการใหม่ ส่วนคืบหน้า MoeNet สืบข้อเท็จจริงให้ร้อยละ 7 ต่อสัญญาฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างตรวจสอบสำนวน
นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานประธานคณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยความคืบหน้าการเยียวยานักเรียนที่มีสิทธิรับทุนกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตแต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ทุจริต ว่า หลังจากที่ทำหนังสือหารือไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง โดยมีการปรับแก้ถ้อยคำว่า“ขออนุมัติทุนให้แก่ผู้ที่มีสิทธิได้รับทุนแต่ยังไม่ได้รับเงิน”ตั้งแต่ปลายปี 2561 นั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหนังสือตอบกลับมาจากกรมบัญชีกลางว่าจะอนุมัติให้นำเงินกองทุนมาจ่ายให้ให้แก่ผู้ที่มีสิทธิได้รับทุนแต่ยังไม่ได้รับเงิน ได้หรือไม่ ซึ่งตนได้ติดตามความคืบหน้าอยู่ตลอด
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า ในหนังสือที่ทำหารือไปจะต้องใช้เงินจากกองทุนฯ 40.5 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของนักเรียนพยาบาล ของวิทยาลัยพยาบาล 25 แห่ง เป็นเงินประมาณ 18.9 ล้านบาทเศษและครูจ้างชั่วคราวในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นเงิน 21.5 ล้านบาทเศษ
อย่างไรก็ตามในปีการศึกษา 2561ได้มีการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานในการจัดสรรเงินกองทุนฯใหม่ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นเพื่ออุดช่องโหว่ที่อาจก่อ ให้เกิดการทุจริตและได้จัดสรรเงินเรียบร้อยเพื่อเป็นทุนนักศึกษาพยาบาล จำนวน 213 คน คนละ 55,000 บาท รวมเป็นเงิน 11,715,000 บาท ทุนจ้างครูชั่วคราวในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 49 คนๆละ 18,900 บาท เป็นเงิน 9,261,000 บาท รวมทั้งสิ้น 20,976,000 บาท
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการเช่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตในระบบ MoeNet (อ่านว่า โม-เน็ต) นายการุณ กล่าวว่า ล่าสุด นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ได้ลงนามในหนังสือเพื่อส่งข้อมูลและรายชื่อผู้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ MoeNet ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ใช้อำนาจทางการบริหารในการตรวจสอบ อีกทั้งโครงการนี้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 ส่วนใหญ่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ขณะที่ผู้ที่ยังอยู่ในราชการให้ข้อมูลแค่ว่า “ไม่รู้ ไม่เกี่ยวข้อง” ดังนั้น เรื่องนี้ต้องส่งให้ ป.ป.ช.ในฐานะ เจ้าพนักงานตามกฎหมายตรวจสอบต่อไป
ขณะที่การตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่พัสดุเสนอเงินร้อยละ 7 เป็นค่าตอบแทนในการต่อสัญญานั้น คณะกรรมการสืบข้อ เท็จจริงได้สรุปผลเรียบร้อยแล้ว นิติกร สำนักนิติการ สำนักงานปลัด ศธ.อยู่ระหว่างการตรวจสอบสำนวน .-สำนักข่าวไทย