กรุงเทพฯ 18 มี.ค.- คดีซูเปอร์คาร์ขับชนรถจักรยานยนต์ย่านพุทธมณฑล เป็นเหตุให้หญิงสาวเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัสและแท้งลูก ส่วนคนขับซูเปอร์คาร์ขาหัก 2 ข้าง ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและติดตามความคืบหน้าคดี
รถยนต์ปอร์เช่ คีย์แมน เอส สีขาว ทะเบียนกรุงเทพฯ ที่ประสบอุบัติเหตุพุ่งชน น.ส.มีนารัตน์ ฉิมน้อย อายุ 22 ปี น.ส.กิตติยา เที่ยงธรรม อายุ 24 ปี บนทางเท้าปากริมถนนพุทธมณฑล อย่างรุนแรง ทำให้ น.ส.มีนารัตน์ หรือ ไตเติ้ล เสียชีวิต ส่วน น.ส.กิตติยา ที่ตั้งท้องอ่อนๆ อยู่แท้งลูก ต้องตัดแขนขา และอาการยังวิกฤติ ยังถูกยึดเอาไว้ที่ สน.หนองค้างพลู ในสภาพเสียหายอย่างหนัก เพลาขับด้านหน้าและหลังขาด ตัวถังฉีกขาด กระจกด้านหน้าแตกร้าวทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์สันนิษฐานว่า ด้านหน้ารถฝั่งซ้ายพุ่งเข้าชนทั้ง 2 คน ที่นั่งค่อมจักรยานยนต์อยู่จากทางซ้าย ทำให้เกิดแผลฉกรรจ์ ตามร่องรอยติดตามตัวถังรถทั้ง 2 คัน
พ.ต.ท.อดุลย์ ดอกพวง ผู้กำกับ สน.หนองค้างพลู ยืนยันว่า ตำรวจแจ้งข้อหานายสมเกียรติ ภักดีนอก เจ้าของธุรกิจเต้นท์รถมือสอง ผู้ขับขี่รถปอร์เช่ ที่ขาหัก 2 ข้าง นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรีแล้ว ในความผิดตามกฎหมายอาญา ฐานขับขี่รถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส และขับขี่รถยนต์โดยประมาท ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ตาม พ.ร.บ.จราจร ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพและยินดีรับผิดชอบเยียวยาผู้เสียหาย โดยตำรวจจะให้คำแนะนำการใช้สิทธิเรียกร้องตามช่องทางตามกฎหมาย แต่ต้องรอให้ญาติทำพิธีศพให้เรียบร้อยก่อน
แม่อดีตสามีของผู้ตายเล่าว่า ถึงน้องไตเติ้ลจะมีแฟนใหม่ไปแล้ว ก็ยังคงทำงานหาเงินเพื่อมาอุปการะเลี้ยงดูลูกชายวัย 5 ขวบ กับตัวเอง ถือเป็นผู้หญิงที่ดีและเป็นที่รักของทุกคน ตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยากเรียกร้องอะไร แต่อยากได้ไตเติ้ลกลับมาดูแลหลานชายมากกว่า
ขณะที่ชาวบ้านบริเวณจุดเกิดเหตุเล่าว่า ตอนเกิดเหตุรถชนเกิดเสียงดังรุนแรงมาก และด้วยถนนพุทธมณฑลสาย 3 เป็นถนนเส้นตรงระยะทางยาว เวลากลางคืน จึงมีรถยนต์มาขับขี่ด้วยความเร็วเป็นประจำ
สำหรับข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญาที่พนักงานสอบสวน สน.หนองค้างพลู ดำเนินคดีกับคนขับรถยนต์ปอร์เช่ นั้นประกอบด้วย ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นั้นระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท และกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตายสาหัส ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการดำเนินคดีเป็นไปตามส่วนที่ฝ่ายหญิงสาว 2 คน ได้รับจากการขับขี่รถยนต์โดยประมาท.-สำนักข่าวไทย