“สมคิด” เร่งรัฐวิสาหกิจลงทุน

ก.คลัง 18 มี.ค. – รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจเร่งรัฐวิสาหกิจลงทุน ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อแข่งขันกับต่างประเทศ แนะเคลียร์เส้นทางจราจร หากสร้างรถไฟฟ้าบางช่วงคืบหน้า 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประชุมติดตามความคืบหน้าแผนดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ว่า รัฐวิสาหกิจนับเป็นกำลังหลักสำคัญการบริหาร 4 ปีที่ผ่านมา จึงพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงโน้มน้าวให้หลายองค์กรร่วมกันปฏิรูปประเทศ ยอมรับว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่เป็นไปไม่ได้จะทำให้ทุกคนยอมรับ จึงต้องหาสมาร์ทฟาร์มเมอร์เป็นตัวอย่างในชุมชน เมื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จะทำให้หลายคนในชุมชนยอมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยต้องสร้างต้นแบบ จึงมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยสร้างหัวขบวน เปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการทำงาน สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงิน การคลัง ทุกหน่วยงานต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์วางไว้ร่วมกัน แต่หากเดินไปคนละทาง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง หากนโยบายเศรษฐกิจขัดแย้งกันคงลำบาก ดังนั้น อนาคตแขนทั้งสองข้างด้านการเงินการคลังต้องร่วมกันเดินทางคิดที่เหมาะกับประเทศไทย 

ทั้งนี้ ยอมรับว่าแบงก์รัฐ ทั้งธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีดีแบงก์) ธ.ก.ส. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมมือกันอย่างดีในการดูแลผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการ  ในส่วนของธนาคารออมสินเดิมเน้นส่งเสริมการออม แต่เมื่อมีทุนเพียงพอแล้วต้องให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนตั้งตัวได้ ธอส.เป็นผู้นำรุ่นใหม่ประกาศเดินหน้าโครงการบ้านล้านหลังขอให้ขับเคลื่อนต่อไป สำหรับการสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลกำหนดเป้าหมายปี 2563 ระบบ 5 จี ต้องคืบหน้าเห็นผลเป็นรูปธรรมในช่วงการเปลี่ยนแปลงต้องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนสร้างการเปลี่ยนผ่านในการลงทุน  


นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงที่ประชุม ว่า แผนลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้า วงเงิน 1.1 ล้านล้านบาท ขณะนี้รัฐบาลอนุมัติก่อสร้างรถไฟทางคู่ 900 กิโลเมตร นับว่าเป็นการสร้างเส้นทางรถไฟสูงสุดในรอบ 68 ปีที่ผ่านมา และยังพร้อมขยายแผนก่อสร้างเชื่อมโยงจากเมืองหลักไปยังเมืองรองได้มากขึ้น  สำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน เจรจาเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ ลงนามสัญญาสุดท้ายเดือนเมษายน  ในส่วนของความคืบหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน หลังจากเจรจาอีกรอบในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) คาดว่าปลายเดือนมีนาคม รฟท.และซีพีเจรจาได้ข้อสรุปชัดเจน 

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ชี้แจงว่า แผนก่อสร้างรถไฟฟ้า ระยะทาง 500 กิโลเมตร กำหนดสร้างเสร็จปี 2572 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ 43 กิโลเมตร รองรับเดินทางของประชาชน 360,000 คนต่อวัน คาดว่าปี 2572 ระยะทางก่อสร้างรถไฟฟ้าถึง 215 กิโลเมตร รองรับการเดินทางชองประชาชน 2.74 ล้านคนต่อวัน นายสมคิด แนะนำว่าแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ เพียงพอแล้ว หากเส้นทางใดก่อสร้างคืบหน้ามากแล้ว ควรขยับเส้นทางที่ก่อสร้างเสร็จ เพื่อคืนระบบจราจรให้กับประชาชนได้สัญจรลดปัญหาจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพฯ และควรขยายการลงทุนไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เพราะขณะนี้เมืองเติบโตมีปัญหาจราจรติดขัด 

ในส่วนของ บมจ.ปตท. รองนายกรัฐมนตรีเสนอให้ช่วยเหลือด้านสังคมมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเป็นจุดส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญในพื้นที่มีศักยภาพการร่วมลงนามกับกรมสงเสริมวิชาการเกษตรร่วมผลิตปุ๋ย เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร เพราะขณะนี้ต้นทุนปุ๋ยสูงถึงร้อยละ 30 ของต้นทุนทั้งหมด เร่งรัดการก่อสร้างห้องเย็นขนาดใหญ่ในภาคตะวันออก ด้วยการนำความเย็นจากโรงกลั่นมาผลิตห้องเย็น ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ และภาคใต้ 


นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า  ทีโอที ชี้แจงว่า หลังจากรัฐบาลส่งเสริมโครงการอินเทอร์เน็ตประชารัฐ ทำให้ค่าบริการลดลงร้อยละ 65 ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา และยังทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมากขึ้น ทีโอทียังเดินหน้าติดตั้งไฟเบอร์ออฟติกความเร็วสูงเชื่อมโยงกับต่างประเทศ รองรับ One Belt One Road ของจีน ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน  ขณะที่ กสท โทรคมนาคม ได้กำหนดให้บริการฟรีไวไฟ รองรับการใช้บริการของประชาชนและนักท่องเที่ยว 40,000 จุดในย่านชุมชนทั่วประเทศ การติดตั้งโครงข่าย IOT ต้องเสร็จภายในสิ้นปี 2562 รองรับบริการส่งข้อมูลของภาคเอกชน  การเดินหน้าพัฒนาดิจิทัลปาร์ค สร้างแรงงานคุณภาพ 25,000 ตำแหน่ง รองรับบริการเศรษฐกิจดิจิทัลในเขตอีอีซี 

นายสมคิด ย้ำว่าอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านยังไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ รัฐบาลต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หลายฝ่ายต้องการสูงมาก ต้องดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน เพราะอนาคตต้องการร่วมมือหลายฝ่ายมาช่วยเปลี่ยนผ่าน เพื่อพัฒนาให้เร็วที่สุด เพราะอีก 4 ปีข้างหน้าต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อปรับตัวให้ทันสถานการณ์ 

ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ  ธ.ก.ส. ชี้แจงที่ประชุมว่า การลงทะเบียนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.45 ล้านราย ธ.ก.ส.รับผิดชอบดูแล 7.7 ล้านราย มีจำนวน 2.7 ล้านราย เข้าร่วมการพัฒนาฝึกอบรมอาชีพ และทำให้ผู้มีรายได้น้อยพ้นจากเส้นความยากจน 880,000 คน นับว่ามีสัดส่วนถึงร้อยละ 51   สำหรับเอสเอ็มอีแบงก์ยังมุ่งเน้นสร้างโอากสให้กับเอสเอ็มอีคนตัวเล็ก หลังจากปี 2552-2557 ปล่อยสินเชื่อเฉลี่ย 3 ล้านบาท ได้ลดลงเหลือ 1.7 ล้านบาทต่อราย เน้นการให้ความรู้คู่กับการเติมทุน การทำบัญชีการเงินบัญชีเดียว 24,000 ราย 

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายว่า หลายพรรคการเมืองเสนอนโยบายหลากหลายด้านเต็มไปหมดเหมือนกับว่ารัฐบาลไม่ได้ออกมาตรการอะไรเลย แต่ที่จริงแล้วหลายมาตรการหลายโครงการออกมาเยอะมาก ผ่านหลายหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เช่น โครงการบ้านล้านหลัง โดยรัฐบาลพร้อมอุดหนุนความเสี่ยง เพื่อให้ชาวบ้านรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัย การให้ ธ.ก.ส.ดูแลเกษตรกร ออมสินดูแลชาวบ้าน ร้านค้ารายย่อย และเอสเอ็มอีแบงก์ช่วยดูแลเงินทุนให้ผู้ประกอบการ เข้าให้ถึงแหล่งทุนมากขึ้น หากให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อคงลำบาก  การพักหนี้เพื่อให้ปฏิรูปภาคเกษตรไม่ใช่พักหนี้เพื่อให้เกษตรกรเสียวินัยการเงิน 

การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ร้านโชห่วยขายสินค้าจำเป็นในชุมชน 40,000-50,000 ราย ฟื้นตัวได้จากเดิมใกล้ปิดตัว เพราะเจอกับโมเดิร์นเทรด ขณะนี้เริ่มดีขึ้น วางระบบออนไลน์ลูกหลานมาช่วยพัฒนาร้าน นับเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือชุมชน โดยแบงก์รัฐพร้อมเข้าไปเติมทุนให้กับร้านโชห่วย และการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ  กระทรวงกาคลังยืนยันว่าทุกโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ต้องมีผลตอบแทนกับส่วนรวมชัดเจน  และรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ไม่มีมั่วนิ่ม จึงกำหนดให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่เกินร้อยละ 60 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง