5 พรรคการเมืองโชว์นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

ไบเทค 18 มี.ค. –  5 พรรคประชันนโยบายเศรษฐกิจโชว์สมาชิก ส.อ.ท. ทั้งเพิ่มกำลังซื้อ ขยายผลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนที่ตกสำรวจ สำรองน้ำมันปิโตรเลียมเปลี่ยนเป็นสำรองเอทานอลหรือไบโอดีเซลบี 100 จัดทำ Open Government Data 


สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดเสวนาเรื่อง “ทิศทางอุตสาหกรรมไทย  SHAPING THAI INDUSTRY 2025” โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองนำเสนอแนวทางการพัฒนาทิศทางอุตสาหกรรมไทยให้กับกรรมการและสมาชิก ส.อ.ท.ทั่วประเทศ 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุแผนการทำงานเร่งด่วนใน 100 วันแรกหลังการรับตำแหน่งว่า จะเร่งดำเนินการ 2 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องเติมกำลังซื้อให้กับคนในประเทศ เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยในกลุ่มเกษตรกรจะนำวิธีการประกันราคาสินค้าเกษตรที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมามีระบบอยู่แล้วสามารถทำได้ทันที กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ประกันรายได้ โดยรัฐสนับสนุนให้มีรายได้ขั้นต่ำเดือนละ 10,000 บาท หรือ 120,000 บาทต่อปี ซึ่งใช้งบประมาณไม่มากและไม่กระทบเอกชน ส่วนกลุ่มคนจน จะเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 800 บาทต่อเดือน สามารถนำไปซื้อสินค้าร้านใดก็ได้ไม่ต้องซื้อเฉพาะร้านค้าที่กำหนด ทำให้เม็ดเงินกระจายไปทุกพื้นที่  

นอกจากนี้ จะใช้ประโยชน์จากการที่ไทยเป็นประธานอาเซียนผนึกกำลังชาติสมาชิกอาเซียนและหารือกับประเทศจีน เพื่อให้นโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทางเพื่อให้อาเซียนได้ประโยชน์มากที่สุด และมีนโยบายเดินไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งผนึกกำลังอาเซียนออกไปเจรจาต่อรองดึงนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเทคโนโลยีสูงเข้ามาในภูมิภาคนี้ แทนที่จะแข่งกันลดแลกแจกแถมทำให้บริษัทขนาดใหญ่ต่างชาติได้ประโยชน์ แต่ชาติอาเซียนได้ประโยชน์น้อย

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า แผนการทำงานเร่งด่วนใน 100 วันแรกหลังการรับตำแหน่ง ได้แก่ จะเร่งสร้างหลักประกันให้คนไทยและต่างชาติมั่นใจว่าประเทศไทยมีความมั่นคงและสงบสุข เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจตามมา ส่วนเรื่องระยะสั้นจะทำพร้อม ๆ กับระยะกลาง คือ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายผลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนที่ตกสำรวจ และหาโอกาสสร้างอาชีพเพิ่มรายได้  เดินหน้าจัดทำ “บิ๊กดาต้า” เพื่อแก้ไขปัญหาลงลึกตอบโจทย์รายบุคคล รวมทั้งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ  ช่วยเหลือชาวนา โดยสนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,500 บาท เป็นไร่ละ 2,000 บาท และเพิ่มพื้นที่จากไม่เกิน 12 ไร่ เป็น 20 ไร่ต่อราย และเพิ่มราคายางพาราเป็นกิโลกรัมละ 65 บาท เพิ่มผลผลิตภาคการเกษตรด้วยการสร้างสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ส่วนแรงงาน จะเพิ่มทักษะเพื่อรายได้ ค่าจ้างที่เพิ่มภาคเอกชนโดยเฉพาะเอสเอ็มอีต้องอยู่ได้   


นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายที่จะทำในช่วง 100 วันแรกเมื่อเป็นรัฐบาลคือ จะเพิ่มกำลังซื้อกลุ่มกำลังซื้อหลัก เช่น เกษตรกร โดยเพิ่มราคาสินค้าเกษตรขณะที่ไม่ต้องใช้งบประมาณภาครัฐมากนัก เช่น การให้ บมจ.ปตท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อผลผลิตจากพืชพลังงาน ด้วยการแก้ไขระเบียบการสำรองน้ำมัน จากเดิมสำรองน้ำมันปิโตรเลียมเปลี่ยนเป็นสำรองเอทานอลหรือไบโอดีเซล (บี100) ซึ่งจะช่วยเพิ่มราคาผลผลิตอ้อยและมันสำปะหลังและปาล์มน้ำมันได้ทันที พร้อมกับควบคุมการเพิ่มพื้นที่ปลูก และลดลงลงในอนาคต ส่วนภาครัฐจะเข้าไปสนับสนุนวิสาหกิจเหล่านี้ในเรื่องที่สามารถทำได้  

ส่วนการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม จะให้โรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายที่อยู่นอกเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับที่อยู่ในอีอีซี รวมทั้งช่วยเอสเอ็มอีปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ก่อน รวมทั้งประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน  

นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายที่จะทำในช่วง 100 วันแรกเมื่อเป็นรัฐบาล คือ แก้ไขกฎกระทรวงต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า การทำธุรกิจ เช่น GRAP จะให้บริการถูกกฎหมาย รวมถึงชาวบ้านที่ทำโฮมสเตย์ จะแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคให้ชาวบ้านทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ จะจัดลำดับความสำคัญการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเน้นไปที่รากฐานเศรษฐกิจโดยให้หน่วยงานภาครัฐใช้สินค้าที่ผลิตขึ้นภายในประเทศก่อน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงที่มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นสร้างมอเตอร์เวย์จะทำได้ทั่วประเทศและเงินยังอยู่ภายในประเทศเนื่องจากคนไทยทำได้เอง  

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์  ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า นโยบายที่จะทำในช่วง 100 วันแรกเมื่อเป็นรัฐบาล คือ เร่งเดินหน้า Open Government Data เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นำการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐขึ้นเว็บไซต์ และนำไปประมวลผลวิเคราะห์ได้ เพื่อให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลใช้ภาษีไปอย่างไรบ้าง คุ้มค่ามากน้อยเพียงใด และยังมีนโยบายที่จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนค่าจ้างขั้นต่ำ พรรคอนาคตใหม่ มีนโยบายที่จะสร้างความเท่าเทียมของประชาชน โดยเพิ่มสวัสดิการแห่งรัฐดีขึ้น ยอมรับว่าค่าแรงยังไม่พอกับค่าครองชีพแต่รัฐจะเพิ่มสวัสดิการให้ดีขึ้น เช่น การดูแลเด็กแรกเกิดตั้งแต่ 0-6 ปี เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 

ก่อนการเสวนา นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. นำเสนอ “ทิศทางอุตสาหกรรมไทย 2025” ว่า ทุกอุตสาหกรรมต้องเปลี่ยนแปลงโดยร่วมมือกับภาครัฐ สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็งมี 5 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายอุตสาหกรรม โดยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมร่วมกับภาครัฐผ่าน กรอ.จังหวัด โดยอยากให้ประชุมอย่างน้อย 2 เดือนครั้ง เร่งจัดทำ Ease of Doing Business ของทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ เพื่อให้แข่งขันได้ 2.การเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันอุตสาหกรรมไทย โดยตั้งกองทุน Innovation Fund โดยผู้บริจาคเข้ากองนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ กองทุนนี้บริหารโดยภาคเอกชน ตั้งศูนย์บิ๊กดาต้าภาคอุตสาหกรรม บริหารโดยภาคเอกชน เดินหน้า Smart Agro จัดทำโซนนิ่งรัฐบาลสนับสนุนแต่ละพื้นที่โดยให้สหกรณ์การเกษตรบริหาร 3.ยกระดับเอสเอ็มอี และส่งเสริม Made in Thailand ตั้ง SME Venture Program รัฐช่วยเหลือด้านลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ จะต้องยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพมาตรฐานสากล โดยเอสเอ็มอีได้รับคูปองช่วยเหลือ จัดตั้งกองทุนผู้เชี่ยวชาญช่วยเอสเอ็มอี โดยรัฐให้เงินเดือนผู้ที่ขึ้นทะเบียน จัดการประชาสัมพันธ์สินค้าที่ผลิตในไทยทั้งในและต่างประเทศให้เกิดความเชื่อถือ เชื่อมั่นและส่งเสริมการตลาด โดยตั้งศูนย์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าสู่พาณิชย์ธุรกิจ 

4.เสริมสร้างธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยส่งเสริมเอสเอ็มอีทำบัญชีเดียว ภาครัฐจัดทำซอฟแวร์ไปใช้ฟรีภาครัฐได้ภาษีคืนในอนาคต ผู้ประกอบการจะเข้ามาอยู่ในระบบ รัฐจัดให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายนับ 100,000 ฉบับ กฎหมายไหนไม่จำเป็นต้องยกเลิก เดินหน้าปฏิรูปบุคลากรลดบุคลากรภาครัฐลง และส่งเสริมการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า หรือ EV ยี่ห้อของคนไทย ซื้อรถแล้วสามารถลดหย่อนภาษีได้ 300,000-500,000 บาทต่อคัน หากไม่รีบทำใน 5 ปีนี้จะไม่ทันการ เพราะขณะนี้เวียดนามเดินหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว  

5.ยกระดับทักษะ ความรู้และคุณภาพชีวิตทรัพยากรมนุษย์ โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนด้วยการนำค่าใช้จ่ายหักภาษีได้ 2 เท่า ปรับการศึกษาให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรม และเดินหน้า Pay by Skill หรือการจ่ายเงินตามทักษะฝีมือในงาน โดยทำรูปแบบทวิภาคีนำค่าใช้จ่ายนำนักศึกษาเข้ามาฝึกงานสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ พร้อมกันนี้จะต้องยกเลิกการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย