5 พรรคการเมืองโชว์นโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

ไบเทค 18 มี.ค. –  5 พรรคประชันนโยบายเศรษฐกิจโชว์สมาชิก ส.อ.ท. ทั้งเพิ่มกำลังซื้อ ขยายผลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนที่ตกสำรวจ สำรองน้ำมันปิโตรเลียมเปลี่ยนเป็นสำรองเอทานอลหรือไบโอดีเซลบี 100 จัดทำ Open Government Data 


สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดเสวนาเรื่อง “ทิศทางอุตสาหกรรมไทย  SHAPING THAI INDUSTRY 2025” โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองนำเสนอแนวทางการพัฒนาทิศทางอุตสาหกรรมไทยให้กับกรรมการและสมาชิก ส.อ.ท.ทั่วประเทศ 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุแผนการทำงานเร่งด่วนใน 100 วันแรกหลังการรับตำแหน่งว่า จะเร่งดำเนินการ 2 ข้อ ได้แก่ 1.ต้องเติมกำลังซื้อให้กับคนในประเทศ เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยในกลุ่มเกษตรกรจะนำวิธีการประกันราคาสินค้าเกษตรที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมามีระบบอยู่แล้วสามารถทำได้ทันที กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ประกันรายได้ โดยรัฐสนับสนุนให้มีรายได้ขั้นต่ำเดือนละ 10,000 บาท หรือ 120,000 บาทต่อปี ซึ่งใช้งบประมาณไม่มากและไม่กระทบเอกชน ส่วนกลุ่มคนจน จะเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 800 บาทต่อเดือน สามารถนำไปซื้อสินค้าร้านใดก็ได้ไม่ต้องซื้อเฉพาะร้านค้าที่กำหนด ทำให้เม็ดเงินกระจายไปทุกพื้นที่  

นอกจากนี้ จะใช้ประโยชน์จากการที่ไทยเป็นประธานอาเซียนผนึกกำลังชาติสมาชิกอาเซียนและหารือกับประเทศจีน เพื่อให้นโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทางเพื่อให้อาเซียนได้ประโยชน์มากที่สุด และมีนโยบายเดินไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งผนึกกำลังอาเซียนออกไปเจรจาต่อรองดึงนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเทคโนโลยีสูงเข้ามาในภูมิภาคนี้ แทนที่จะแข่งกันลดแลกแจกแถมทำให้บริษัทขนาดใหญ่ต่างชาติได้ประโยชน์ แต่ชาติอาเซียนได้ประโยชน์น้อย

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า แผนการทำงานเร่งด่วนใน 100 วันแรกหลังการรับตำแหน่ง ได้แก่ จะเร่งสร้างหลักประกันให้คนไทยและต่างชาติมั่นใจว่าประเทศไทยมีความมั่นคงและสงบสุข เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจตามมา ส่วนเรื่องระยะสั้นจะทำพร้อม ๆ กับระยะกลาง คือ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายผลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนที่ตกสำรวจ และหาโอกาสสร้างอาชีพเพิ่มรายได้  เดินหน้าจัดทำ “บิ๊กดาต้า” เพื่อแก้ไขปัญหาลงลึกตอบโจทย์รายบุคคล รวมทั้งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ  ช่วยเหลือชาวนา โดยสนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,500 บาท เป็นไร่ละ 2,000 บาท และเพิ่มพื้นที่จากไม่เกิน 12 ไร่ เป็น 20 ไร่ต่อราย และเพิ่มราคายางพาราเป็นกิโลกรัมละ 65 บาท เพิ่มผลผลิตภาคการเกษตรด้วยการสร้างสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ส่วนแรงงาน จะเพิ่มทักษะเพื่อรายได้ ค่าจ้างที่เพิ่มภาคเอกชนโดยเฉพาะเอสเอ็มอีต้องอยู่ได้   


นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายที่จะทำในช่วง 100 วันแรกเมื่อเป็นรัฐบาลคือ จะเพิ่มกำลังซื้อกลุ่มกำลังซื้อหลัก เช่น เกษตรกร โดยเพิ่มราคาสินค้าเกษตรขณะที่ไม่ต้องใช้งบประมาณภาครัฐมากนัก เช่น การให้ บมจ.ปตท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อผลผลิตจากพืชพลังงาน ด้วยการแก้ไขระเบียบการสำรองน้ำมัน จากเดิมสำรองน้ำมันปิโตรเลียมเปลี่ยนเป็นสำรองเอทานอลหรือไบโอดีเซล (บี100) ซึ่งจะช่วยเพิ่มราคาผลผลิตอ้อยและมันสำปะหลังและปาล์มน้ำมันได้ทันที พร้อมกับควบคุมการเพิ่มพื้นที่ปลูก และลดลงลงในอนาคต ส่วนภาครัฐจะเข้าไปสนับสนุนวิสาหกิจเหล่านี้ในเรื่องที่สามารถทำได้  

ส่วนการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม จะให้โรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมายที่อยู่นอกเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับที่อยู่ในอีอีซี รวมทั้งช่วยเอสเอ็มอีปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ก่อน รวมทั้งประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน  

นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายที่จะทำในช่วง 100 วันแรกเมื่อเป็นรัฐบาล คือ แก้ไขกฎกระทรวงต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า การทำธุรกิจ เช่น GRAP จะให้บริการถูกกฎหมาย รวมถึงชาวบ้านที่ทำโฮมสเตย์ จะแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคให้ชาวบ้านทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ จะจัดลำดับความสำคัญการใช้จ่ายภาครัฐ โดยเน้นไปที่รากฐานเศรษฐกิจโดยให้หน่วยงานภาครัฐใช้สินค้าที่ผลิตขึ้นภายในประเทศก่อน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงที่มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นสร้างมอเตอร์เวย์จะทำได้ทั่วประเทศและเงินยังอยู่ภายในประเทศเนื่องจากคนไทยทำได้เอง  

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์  ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า นโยบายที่จะทำในช่วง 100 วันแรกเมื่อเป็นรัฐบาล คือ เร่งเดินหน้า Open Government Data เพื่อให้เกิดการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล นำการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐขึ้นเว็บไซต์ และนำไปประมวลผลวิเคราะห์ได้ เพื่อให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลใช้ภาษีไปอย่างไรบ้าง คุ้มค่ามากน้อยเพียงใด และยังมีนโยบายที่จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ส่วนค่าจ้างขั้นต่ำ พรรคอนาคตใหม่ มีนโยบายที่จะสร้างความเท่าเทียมของประชาชน โดยเพิ่มสวัสดิการแห่งรัฐดีขึ้น ยอมรับว่าค่าแรงยังไม่พอกับค่าครองชีพแต่รัฐจะเพิ่มสวัสดิการให้ดีขึ้น เช่น การดูแลเด็กแรกเกิดตั้งแต่ 0-6 ปี เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 

ก่อนการเสวนา นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. นำเสนอ “ทิศทางอุตสาหกรรมไทย 2025” ว่า ทุกอุตสาหกรรมต้องเปลี่ยนแปลงโดยร่วมมือกับภาครัฐ สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็งมี 5 ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย 1.สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายอุตสาหกรรม โดยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมร่วมกับภาครัฐผ่าน กรอ.จังหวัด โดยอยากให้ประชุมอย่างน้อย 2 เดือนครั้ง เร่งจัดทำ Ease of Doing Business ของทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ เพื่อให้แข่งขันได้ 2.การเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันอุตสาหกรรมไทย โดยตั้งกองทุน Innovation Fund โดยผู้บริจาคเข้ากองนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ กองทุนนี้บริหารโดยภาคเอกชน ตั้งศูนย์บิ๊กดาต้าภาคอุตสาหกรรม บริหารโดยภาคเอกชน เดินหน้า Smart Agro จัดทำโซนนิ่งรัฐบาลสนับสนุนแต่ละพื้นที่โดยให้สหกรณ์การเกษตรบริหาร 3.ยกระดับเอสเอ็มอี และส่งเสริม Made in Thailand ตั้ง SME Venture Program รัฐช่วยเหลือด้านลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ จะต้องยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพมาตรฐานสากล โดยเอสเอ็มอีได้รับคูปองช่วยเหลือ จัดตั้งกองทุนผู้เชี่ยวชาญช่วยเอสเอ็มอี โดยรัฐให้เงินเดือนผู้ที่ขึ้นทะเบียน จัดการประชาสัมพันธ์สินค้าที่ผลิตในไทยทั้งในและต่างประเทศให้เกิดความเชื่อถือ เชื่อมั่นและส่งเสริมการตลาด โดยตั้งศูนย์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าสู่พาณิชย์ธุรกิจ 

4.เสริมสร้างธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยส่งเสริมเอสเอ็มอีทำบัญชีเดียว ภาครัฐจัดทำซอฟแวร์ไปใช้ฟรีภาครัฐได้ภาษีคืนในอนาคต ผู้ประกอบการจะเข้ามาอยู่ในระบบ รัฐจัดให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายนับ 100,000 ฉบับ กฎหมายไหนไม่จำเป็นต้องยกเลิก เดินหน้าปฏิรูปบุคลากรลดบุคลากรภาครัฐลง และส่งเสริมการพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า หรือ EV ยี่ห้อของคนไทย ซื้อรถแล้วสามารถลดหย่อนภาษีได้ 300,000-500,000 บาทต่อคัน หากไม่รีบทำใน 5 ปีนี้จะไม่ทันการ เพราะขณะนี้เวียดนามเดินหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว  

5.ยกระดับทักษะ ความรู้และคุณภาพชีวิตทรัพยากรมนุษย์ โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนด้วยการนำค่าใช้จ่ายหักภาษีได้ 2 เท่า ปรับการศึกษาให้เข้ากับภาคอุตสาหกรรม และเดินหน้า Pay by Skill หรือการจ่ายเงินตามทักษะฝีมือในงาน โดยทำรูปแบบทวิภาคีนำค่าใช้จ่ายนำนักศึกษาเข้ามาฝึกงานสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ พร้อมกันนี้จะต้องยกเลิกการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง