สระแก้ว 16 มี.ค.- ตม.สระแก้วบุกจับหนุ่มยูกันดา วีซ่าหมดอายุ ห่มผ้าเหลืองปลอมเป็นพระสงฆ์ อาศัยวัดหลับนอน
นายซาลี่ เบรกเกอร์ ชาวยูกันดาวัย 32 ปี ถูก ตม.สระแก้ว บุกจับกุมในวัดแห่งหนึ่ง ใน อ.วัฒนานคร หลังรับแจ้งจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านว่า มีต่างชาติผิวดำ ห่มผ้าเหลืองเป็นพระสงฆ์เข้ามาขอจำวัด แต่พูดภาษาไทยไม่ได้ จากการสอบถามผ่านล่าม พระรายนี้อ้างว่าเป็นนักเรียนพระพุทธศาสนา เจ้าอาวาสคิดว่าเป็นพระมาแสวงบุญ จึงอนุญาตให้พักในกุฏิ 1 วัน แต่ผ่านไป 3 วันไม่ยอมไปไหน ทั้งมีพฤติกรรมแปลกๆ เจ้าอาวาสเกรงเป็นพระปลอม จึงแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้พา ตม.เข้าตรวจสอบ
เบื้องต้นขอตรวจหนังสือเดินทางและหนังสือสุทธิ แต่พระต่างชาติยังอ้างว่าเป็นนักเรียนเข้ามาศึกษาศาสนาในไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงตรวจหนังสือเดินทาง พบเป็นชาวยูกันดา แต่ไม่พบใบสุทธิ จึงไปตรวจสอบข้อมูลจากระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ ตม. พบว่าเข้าไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 ใช้วีซ่าท่องเที่ยว และได้รับอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรได้ถึง 9 มีนาคม แต่อยู่เกินกำหนด ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นพระปลอมจึงถอดจีวรออก
กระทั่งนายซาลี่ เบรกเกอร์ สารภาพว่า เข้ามาเที่ยวไทยจนครบวีซ่า แต่ยังไม่อยากกลับ จึงนำจีวรพระสงฆ์มาห่มปลอมเป็นพระตบตาอยู่ในไทย เพราะรู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่นับถือพระสงฆ์ จึงควบคุมตัวส่งตำรวจดำเนินคดีข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรเกินอนุญาตและแต่งเลียนแบบพระสงฆ์ พร้อมเตรียมสอบประวัติสืบสวนเชิงลึกว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ หรือแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท ระบุว่า ตามหนังสือแจ้งมติมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2562 เกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบประวัติบุคคล ให้ พศ. หรือ พศจ. ส่งข้อมูลทาง Email ให้กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบประวัติได้
ทั้งนี้ มติ มส. ครั้งที่ 1/2562 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท ดังนี้
1. เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ ตรวจคุณสมบัติเบื้องต้นและรวบรวมเอกสารประจำตัวของผู้ขอบรรพชาอุปสมบท และมีหนังสือถึง พศ. หรือ พศจ. เพื่อส่งข้อมูลให้กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
2. พศ. หรือ พศจ. รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจากเจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ แล้วส่งข้อมูลให้กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
3. กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจาก พศ. หรือ พศจ. แล้วตรวจประวัติบุคคลจากเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
4. กองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ตรวจประวัติบุคคลเสร็จเรียบร้อยแล้วแจ้งให้ พศ. หรือ พศจ. ทราบภายใน 15 วัน
5. พศ. หรือ พศจ. รับข้อมูลผู้ขอบรรพชาอุปสมบทจากกองทะเบียนอาชญากร หรือสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัด ที่ตรวจสอบประวัติบุคคล แล้วแจ้งข้อมูลให้เจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์ทราบภายใน 7 วัน.-สำนักข่าวไทย