13 มี.ค.-ฝุ่นจิ๋วแผลงฤทธิ์ หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์หมอกควันตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2561 และจนถึงขณะนี้ยังคงมีอีกหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ประชาชนเริ่มเจ็บป่วย
ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ค่า PM 2.5 เช้านี้ ตรวจวัดได้ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่อำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นอำเภอชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน วัดได้ 174 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าสูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทางจังหวัดแจ้งเตือนให้ประชาชนที่จะออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเด็กเล็ก คนชรา ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ต้องสวมหน้ากากอนามัยและงดออกกำลังกายกลางแจ้ง
ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เช้านี้ ค่า PM 2.5 ตรวจวัดได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เนื่องจากยังคงมีเหตุไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเช้าเกิดเหตุเพลิงไหม้ป่าติดกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านห้วยหินฝน เจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย ระดมกำลังและอุปกรณ์เข้าดับไฟ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง พบป่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ คาดว่าสาเหตุมาจากการเผาเพื่อหาของป่า
ที่จังหวัดบึงกาฬ พบหมอกควันไฟปกคลุมทั่วบริเวณเช่นกัน เนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้พื้นที่ป่าสาธารณประโยชน์ บริเวณห้วยล่องคำและหนองกระโดน บ้านปากครอง ม.7 ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ เพลิงได้ลุกไหม้พื้นที่เป็นบริเวณกว้างประมาณ 100 ไร่ เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในการดับไฟ สาเหตุคาดว่ามาจากชาวบ้านลักลอบเผาวัชพืชเพื่อเตรียมทำการเกษตร ขณะที่ในพื้นที่ไม่มีเครื่องวัด PM 2.5 จึงไม่สามารถระบุค่าฝุ่นพิษนี้ได้
นอกจากนี้ เว็บไซต์ airvisual.com ที่ใช้ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศทั่วโลก ปรากฏค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI พบว่าเมื่อเวลาประมาณ 12.19 น. จังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทย มีค่า AQI สูงเป็นลำดับที่หนึ่งของโลก แต่อย่างไรก็ตาม ค่าฝุ่นพิษนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามปัจจัยต่างๆ ทั้งการเกิดเหตุเพลิงไหม้ สภาพอากาศ ทิศทางลม รวมทั้งพฤติกรรมของมนุษย์ ดังนั้นควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และป้องกันตนเองด้วยการงดทำกิจกรรมกลางแจ้งและสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นขนาดเล็ก เมื่อมีความจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งแจ้ง.-สำนักข่าวไทย