กรมบัญชีกลางกระตุ้นหน่วยงานเร่งจัดซื้อจัดจ้าง

กรุงเทพฯ  29  ส.ค. –  นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวระหว่างการประชุมชี้แจงมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ว่า กรมบัญชีกลางทำหนังสือเวียนถึงส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น  หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้เตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง เริ่มกระบวนการ  ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำร่างทีโออาร์ การเผยแพร่ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง จนถึงขั้นตอนได้ตัวผู้รับจ้าง  เพื่อเตรียมการในช่วงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2560 เมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณประกาศบังคับใช้แล้วจะเริ่มดำเนินการลงทุนได้ทันที ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไปให้ส่วนราชการเริ่มเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ตั้งแต่ขั้นตอนจัดทำร่างทีโออาร์ประกาศเชิญชวนและอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้าง รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงาน และเริ่มลงนามสัญญาช่วงเดือนตุลาคม จากนั้นให้เริ่มจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเบิกจ่ายงบลงทุน


สำหรับโครงการลงทุนต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีมูลค่า 90,000 ล้านบาท โครงการลงทุนขนาด 2 ล้านบาทถึง 1,000 ล้านบาท ต้องดำเนินการก่อหนี้ภายในสิ้นปี 2559  ส่วนโครงการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ต้องดำเนินก่อหนี้ภายในเดือนมีนาคมปี 2560 เพื่อให้งบลงทุนเบิกจ่ายเป็นไปตามเป้าหมายและให้ส่วนราชการขยายระยะเวลานำงบประมาณปี 2559 ที่ยังคงเหลือในวันที่ 30 กันยายน 59 นำไปใช้จ่ายในการอบรมสัมมนาและต้องเบิกภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2559 เพื่อเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว

ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปี  2559  ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม เบิกจ่ายภาพรวม 2.215 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 81.5 จากวงเงินรายจ่ายรวม 2.72 ล้านล้านบาท ขณะที่งบลงทุนเบิกจ่ายแล้ว 287,792 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52.9 ของงบลงทุน 544,354 ล้านบาท จึงคาดว่างบลงทุนปีนี้เบิกจ่ายไม่ถึงร้อยละ 80 ของงบประมาณที่ตั้งไว้  ขณะที่ปี 2558 งบลงทุนเบิกจ่ายเพียงร้อยละ 53.5 ในปี 2557 เบิกจ่ายร้อยละ 47 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน   อย่างไรก็ตาม มองว่างบกระตุ้นเศรษฐกิจมีการเบิกจ่ายเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งไม่ได้นับรวมกับงบประมาณประจำปี โดยมีวงเงิน 149,000 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 128,000 คิดเป็นร้อยละ 93 โดยเป็นเงินลงทุนจากโครงการลงทุนตำบลละ 5 ล้านบาท การจัดสรรกองทุนหมู่บ้านละ 500,000 บาท การลงทุนโครงการขนาดเล็กในท้องถิ่น  นับว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง


นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางกำชับส่วนราชการเตรียมพร้อมรองรับนโยบายจากรัฐบาลจ่ายเงินสวัสดิการสังคมให้กับประชาชนโดยตรง  เริ่มจากการจ่ายเงินอุดหนุน เพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิโดยตรงอัตราเดือนละ 400 บาท เริ่มวันที่ 9 กันยายน 2559 พร้อมกันทั่วประเทศ  จากเด็กแรกเกิดได้รับสิทธินี้ทั้งสิ้น 85,000 คน ใช้เงินประมาณ  34 ล้านบาท หลังจากนั้นจะขยายระบบพร้อมเพย์ไปยังโครงการ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพผู้พิการ เป็นต้น แผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (ปี 2560-2579).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง