แนะรัฐเร่งเบิกจ่ายงบฟื้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – ซิตี้แบงก์หวังรัฐบาลใหม่เร่งเบิกจ่ายงบ
กระตุ้นการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง  


นางสาวนลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย
กล่าวว่า  คาดหวังรัฐบาลใหม่มีมาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายหรือมีมาตรการที่ช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายภาคเอกชนเพิ่มเติม
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงการผลักดันนโยบายต่าง
ๆที่เป็นผลบวกกับเศรษฐกิจและการลงทุน ย้ำขอให้มีมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาว
เพราะปีนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

นางสาวนลิน กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2562
มาอยู่ที่ 3.3 % จากการชะลอตัวลงของการลงทุนภาครัฐครึ่งปีแรก
และปีหน้าคาดจะขยายตัว 3.7% ขณะที่การส่งออกปีนี้คาดโตต่ำกว่า 3%
และการท่องเที่ยวโตต่ำกว่า 5% ซึ่งยังมีมุมมองเป็นบวกว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะกลับมาขยายตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนไม่ได้ท่องเที่ยวน้อยลง
แต่มีเทรนด์ชื่นชอบท่องเที่ยวสถานที่หรือกิจกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำการบ้านว่าจะทำอย่างไรในการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลับมาบ้านเราอีกครั้ง


สำหรับค่าเงินบาทยังมีความผันผวนสูงและยังต้องจับตาเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดปลายเดือน กรกฎาคมนี้
และจะคงอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงกลางปี 2563 อย่างไรก็ตาม คาดค่าเงินบาทจะแข็งค่าถึงต้นปี
2563 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20 – 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่เศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับการขยายตัวที่ 2.9%
ส่วนปี 2563 คาดขยายตัว 2.8% โดยอัตราเงินเฟ้อคาดชะลอตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.4%
จากเดิมคาดการณ์ที่  2.7%
โดยปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์การคลังของแต่ละภูมิภาค ความไม่แน่นอนทางการเมือง
สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ด้านกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีที่ประมาณ 4.3%

นายบุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์
ประเทศไทย กล่าวว่าคาดการณ์อัตราเติบโตของผลกำไรต่อหุ้นทั่วโลกปี 2562 จะอยู่ที่
4.0% แนะนำการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังควรกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายชนิด
โดยเพิ่มลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง เช่น กลุ่มตราสารหนี้เอกชนสหรัฐ
ที่จัดอยู่ในระดับน่าลงทุน นอกจากนี้ ควรพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมแบบผสมและกองทุนรวมทางเลือก
เพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่มีความผันผวนสูงขึ้น


ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ กลุ่มวัสดุการผลิต กลุ่มพลังงาน
และกลุ่มเทคโนโลยี จากแรงหนุนของความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ขณะที่กลุ่มธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์
ยังน่าจับตาจากน้ำมันดิบที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวโน้มทะลุ
78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านทองคำมองกรอบปีนี้ที่ 1
,300 – 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางเทศกาลปีใหม่ 2568

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางขาออกเทศกาลปีใหม่ 2568 ถนนทุกสาย และระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมด มีประชาชนทะลักเดินทางตั้งแต่เย็นวานนี้ (27 ธ.ค.) ภาพรวมเป็นอย่างไร พูดคุยกับนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม.

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น