รวบ 2 ตม.สุวรรณภูมิ ร่วมขบวนการลักลอบประทับตราอนุญาตเข้าไทย

กรุงเทพฯ 5 มี.ค.- ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงจับกุม 2 ตม.สุวรรณภูมิ ร่วมขบวนการลักลอบประทับตราอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย  ล่าสุดมีคำสั่งไล่ออกจากราชการแล้ว  


เวลา 11.30 น.   พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  แถลงผล  จับกุม   นายคลินตัน นาสเซอร์รี่ (MR.CLINTON NASELI) อายุ 22 ปี สัญชาติแคเมอรูน  ในความผิดฐานปลอมและใช้แผ่นปะตรวจลงตรา ,ปลอมรอยตราประทับการตรวจลงตราส าหรับการเดินทางระหว่างประเทศปลอม,ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ” พร้อมของกลาง หนังสือเดินทาง และใบเสร็จรับเงินของสถานทูตไทยปลอม  นำตัวส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย  ขณะที่การตรวจสอบหนังสือเดินทางดังกล่าว  พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง  ประจำด่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  ซึ่งปฎิบัติทำหน้าที่ตรวจอนุญาตบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร  ได้บันทึกข้อมูลการตรวจอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร   ในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยบุคคลต่างด้าวมิได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจริง ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  กรณีดังกล่าวกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง  รวมทั้งสิ้น 3 คน คือ  จ.ส.ต.นพดล บุญยะวัน อายุ 36 ปี อดีต ผู้บังคับหมู่ ฝ่าย ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ  บก.ตม.2 , ด.ต.สมยศ ฟุ่มฟองฟู อายุ 38 ปี อดีต ผบ.หมู่ ฝ่าย ตม.ขาเข้าด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 และ นางสาวพัณณิตา สรวยงาม อายุ 37 ปี จนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยในส่วนตำรวจทั้ง 2 นาย มีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว  ขณะที่ในส่วนของนายหน้า จากการสอบถาม นางสาวพัณณิตา พบว่าได้รับค่าจ้างหัวละ  50,000 บาท และได้จับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  เปิดเผยว่าตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. ปัจจุบันมีการจับกุมตำรวจ ตม.ที่กระทำการทุจริตแล้ว 5 คน นายหน้า 37 คน  และเพิกถอนเอกสารของชาวต่างชาติ   ที่กระทำความผิดกว่า 200 คน    โดยในส่วนของเจ้าพนักงาน ทั้งหมดให้การรับสารภาพ  ล่าสุดได้ให้ออกจากราชการแล้ว  ยืนยันว่าจะไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ที่ทำผิด และจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเอาผิด  อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้  ได้จับกุม ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งมีพฤติการณ์ บันทึกข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์สารสนเทศของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ระบบ PIBICS)   ให้ปรากฏข้อมูลและหลักฐานเท็จและประทับตราขาเข้าอันเท็จ โดยที่คนต่างด้าวดังกล่าวไม่ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจริง ซึ่งเหตุเกิดที่ ด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) 3 คน และ ในครั้งนี้ อีก 2 คน รวม 5 คน และหากตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองรายใดกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ในรูปแบบดังกล่าวอีกจะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป  -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง